English
Chinese
Japanese

ปลวก Schedorhinotermes: รู้ทันลักษณะ & IPM ปิดงานปลวกใต้ดิน

ปลวกเชอโดไรโนเทอร์เมส Schedorhinotermes — ตัวจริงเสียงจริงของ “ปลวกใต้ดิน” ที่สร้างความเสียหายรองจาก Coptotermes

จุดแข็งของ Schedorhinotermes คือ “ท่อดิน + งานกลางคืน + โครงสร้างวรรณะชัดเจน” ทำให้ลอบเข้าทำลายไม้ได้รวดเร็ว หากเข้าใจลักษณะ วงจรชีวิต และปิดจุดเสี่ยงด้วย IPM บ้านและอาคารจะปลอดภัยกว่าสเปรย์ครั้งคราวหลายเท่า

ทำความรู้จักแบบรวบรัด (Quick Facts)

ชื่อไทย: ปลวกเชอโดไรโนเทอร์เมส
ชื่อวิทยาศาสตร์: Schedorhinotermes sp. | วงศ์: Termitidae | อันดับ: Blattodea

ไบโอ–มอร์โฟ:

  • หนวดแบบ ลูกปัด (moniliform)
  • ปีก บางใส (membrane) หลุดทิ้งได้หลังผสมพันธุ์
  • ปากแบบ กัดกิน (chewing type)
  • ขาแบบ ขาเดิน (walking leg)
  • บน หัว (head capsule) มี ช่องเปิดฟอนตาเนล (fontanelle) สำหรับปล่อยของเหลวป้องกันศัตรู
  • อกปล้องแรก (pronotum) กว้าง
  • ปลวกงาน (worker) “รูปแบบเดียว” (monomorphic)

ปลวกทหารสองแบบ (dimorphic):

  • ทหารหลัก (major soldier): ยาว ~ 5–7.5 มม.
  • ทหารรอง (minor soldier): ยาว ~ 3–5 มม. หัวแคบ กรามเรียว ริมฝีปากบน (labrum) ยื่นเกือบจรดปลายกราม

วงจรชีวิต (พัฒนาแบบไม่สมบูรณ์)

ปลวกพัฒนาแบบ ไม่สมบูรณ์ (incomplete metamorphosis): ไข่ → ตัวอ่อน (larva/nymph) → ตัวเต็มวัย (adult)

  • ไข่: ชุดแรก ~15–30 ฟอง และอาจมากได้ถึง ~1,000 ฟอง/ครั้ง ใช้เวลาฟัก 2–4 สัปดาห์
  • ตัวอ่อน: สีขาว รูปร่างคล้ายตัวเต็มวัยแต่ยังไม่มีปีก ค่อย ๆ โตทีละลอก
  • ตัวเต็มวัย: อายุเฉลี่ย ประมาณ 4 ปี | นางพญา อยู่ได้นาน ราว 20 ปีหรือมากกว่า
  • ฤดูเริ่มคอลนีมักสัมพันธ์กับช่วงอากาศชื้น หลังฝนต้นฤดู

นิสัย–แหล่งอาศัย–อาหาร

  • ปลวกใต้ดิน (subterranean termite): ทำรังใต้ดิน โคนต้นไม้ ท่อนซุง ตอไม้ ใต้บ้าน หรือรังปลวกที่ถูกทิ้งร้าง
  • ออกหาอาหารกลางคืน ด้วย ท่อทางเดินดิน ไปยังแหล่งไม้
  • กิน ไม้เนื้อแข็ง–เนื้ออ่อน และวัสดุมีเซลลูโลส
  • ได้ชื่อว่าเป็นสายพันธุ์ที่ทำความเสียหาย รองจาก Coptotermes ในเขตร้อน

สัญญาณเตือนในอาคาร–บ้านเรือน

  • ท่อดิน ไล่ตามผนัง/คาน/วงกบ
  • ไม้บวม–เป็นคลื่น ผิวแตกร้าว เคาะแล้ว เสียงโปร่ง
  • ขุยไม้ชื้น ตามบัวผนังและพื้น
  • กอง ปีกแมลงเม่า ช่วงค่ำหลังฝน

แผนรับมือแบบ IPM (Integrated Pest Management)

1) ตัด “ความชื้น” ต้นเหตุการระบาด

  • ซ่อม รั่ว–ซึม–คอนเดนเสท (ท่อน้ำ/หลังคา/แอร์)
  • เพิ่ม การระบายอากาศ ใต้พื้น–ใต้หลังคา
  • ยกไม้–เฟอร์นิเจอร์ ไม่ให้สัมผัสดิน/น้ำขัง
  • รื้อ ตอไม้/ท่อนไม้/เศษไม้ รอบแนวผนัง

2) ปิดทางเข้า & ตัดอาหาร

  • อุดรอยแตก–ช่องท่อ–รอยต่อคอนกรีต
  • เคลียร์ ลัง/กล่อง/เศษไม้ชื้น จากผนัง–พื้น

3) บำบัด–กำจัดตามระดับปัญหา

  • Spot treatment: อัด/ฉีดสารลงโพรงไม้–ท่อดินเฉพาะจุด
  • แนวกั้นดิน (soil treatment): ทำแนวสารรอบอาคาร ปิดเส้นทางใต้ดิน
  • ระบบเหยื่อปลวก: ตรวจ–วางเหยื่อ–ติดตามเพื่อ ลดคอลนีที่ต้นเหตุ
  • กรณีลุกลาม: ให้ผู้เชี่ยวชาญประเมินการ บำบัดทั้งระบบ/รม
  • เปลี่ยนไม้เสียหายหนัก พร้อม ทา/อาบสารป้องกัน ก่อนติดตั้งใหม่

4) เฝ้าระวังต่อเนื่อง

  • ตั้งตาราง ตรวจทุก 1–3 เดือน จดจุดพบ–ถ่ายภาพเทียบแนวโน้ม
  • หลังบำบัด ติดตาม 30–60 วันแรก ใกล้ชิดเป็นพิเศษ

เช็กลิสต์ 60 วินาที (ทำทันที)

  • ซ่อมรั่ว–ซึมครบทุกจุด
  • RH ห้องเก็บของ < 60%
  • ไม่มีไม้/กล่อง แตะดิน–น้ำขัง
  • อุดรอยต่อพื้น–ผนัง–ช่องท่อแล้ว
  • เก็บกวาด ท่อดิน/ขุยไม้ และทำความสะอาดซ้ำ
  • นัดตรวจรอบใหม่ใน 30 วัน

FAQ: 3 คำถามยอดฮิต ของ ปลวกเชอโดไรโนเทอร์เมส (Schedorhinotermes sp.) 

คำถามที่ 1 หลังฝนเห็น “แมลงเม่าบินเข้าไฟ/เข้าบ้าน” ต้องทำอะไรใน 24 ชม.แรก?

ฝน + อุ่น + ชื้น คือเงื่อนไขคลาสสิกที่กระตุ้น การสวาร์ม (บินผสมพันธุ์) เพื่อเริ่มคอลนีใหม่ — จึงพบแมลงเม่าหลังฝนบ่อย ๆ โดยเฉพาะช่วงเปลี่ยนฤดู
เช็กลิสต์ 24 ชม. (ทำทันที):

  • เก็บปีก/ซากแมลงเม่าและ บันทึกจุดพบ (พิกัด–เวลา) เพื่อใช้ไล่หา “ทางเข้า–รังเดิม” ภายหลัง
  • แยกว่าเป็น ปลวกหรือมด (หนวดตรง/เอวหนา = ปลวก) แล้วตรวจ รอยท่อดิน–ไม้เสียงโปร่ง–โซนอับชื้น รอบฐานบ้าน/คานคอดิน/วงกบ/ใต้บันได
  • ปิด/อุดรอยแตกรั่ว–เพิ่มการระบายอากาศ โซนชื้นทันที (ตัด “เชื้อเพลิง” ของปลวกตามหลัก IPM)
  • นัดตรวจเชิงลึกเพื่อยืนยันชนิดและวางแผนควบคุม (ถ้าพบสวาร์มในอาคาร = มีแหล่งกำเนิดในตัวบ้าน)

คำถามที่ 2 “ท่อดิน” หน้าตาเป็นยังไง ตรวจเอง 5 นาทีต้องดูตรงไหนบ้าง?

ท่อดินคืออุโมงค์โคลนขนาดราว ดินสอ ที่ปลวกใต้ดินสร้าง เชื่อมดินกับเนื้อไม้ เพื่อเดินหาอาหาร/รักษาความชื้น — เป็นสัญญาณหลักของการเข้าทำลาย
จุดตรวจเร็ว: ฐานราก/แนวคานคอดิน, รอยต่อพื้น–ผนัง–เสา, ช่องท่อ/รอยต่อบล็อก, ใต้พาเลต–ชั้นวาง, หลังวงกบ–บัวผนัง (ใช้ไฟฉายไล่แนวพื้นถึงผนัง)
พบท่อแตกแต่ยังมี “ดินสด” ในโพรงไม้/ผิวท่อ → มีโอกาสยัง active แนะนำให้บันทึกรูป–ตำแหน่ง แล้วประเมินโดยผู้เชี่ยวชาญเพื่อกำหนดมาตรการต่อเนื่อง (เหยื่อ/แนวกั้นดิน/บอเรต/ซ่อมชื้น)

คำถามที่ 3 เลือกวิธีกำจัดอะไรดี: “เหยื่อ” vs “แนวกั้นดิน” vs “ฉีดเฉพาะจุด” (สำหรับ Schedorhinotermes)?

เข้าใจศัตรูก่อน: Schedorhinotermes ทำคอลนีใต้ดิน/โคนต้น/ใต้วัสดุไม้ และมีทหารสองขนาด (major–minor) ช่วยระวังภัย จึงลอบเข้าทำลายผ่านท่อดินได้เร็ว ถ้าไม่ตัดชื้น–ปิดช่องทางเข้า

ตัวเลือกหลัก (คิดแบบ IPM):

  • เหยื่อปลวก (baiting): ติดตาม–ให้เหยื่อเพื่อ กดคอลนีทั้งรัง เหมาะเมื่อเส้นทางหาอาหารโยงหลายจุด/เข้าถึงยาก ต้องตรวจ–บำรุงสถานีต่อเนื่อง (ค่าเริ่มต้นบางครั้งสูงกว่าแนวของเหลว แต่เป็นการจัดการเชิงระบบ)
  • แนวกั้นดิน/อัดของเหลวรอบอาคาร (soil treatment/barrier): ปิด เส้นทางใต้ดิน รอบฐานบ้าน เห็นผลกดเส้นทางได้เร็ว เหมาะกรณีกดปัญหาเร่งด่วน/ทำเป็นแนวป้องกันร่วมกับการแก้ชื้น–อุดรอยต่อ
  • ฉีด/อัดสารเฉพาะจุด (spot): ใช้กับโพรงไม้/ท่อดินที่พบชัด แต่มีความเสี่ยง พลาดจุดซ่อน ถ้าไม่ได้เปิดตรวจครบแนว—จึงควรใช้เป็น “ส่วนหนึ่ง” ของแผน ไม่ใช่ตัวเดียวจบ (มีงานวิจัยใหม่ชี้ว่า ของเหลวเพียงอย่างเดียวอาจกระทบคอลนีจำกัด → ยิ่งต้องทำแบบผสมผสาน)

สูตรเลือกเร็ว:

  1. ซ่อมชื้น–ระบายอากาศ–อุดรอย (ทำทันทีทุกกรณี)
  2. พบหลายจุด/ระบุต้นตอไม่ได้ → เหยื่อ + เฝ้าระวังรายเดือน
  3. ต้องกดเส้นทางเร็ว/รอบฐานบ้านเสี่ยง → แนวกั้นดิน ร่วมซ่อมชื้น
  4. จุดเฉพาะที่ยืนยันแล้ว → ฉีดเฉพาะจุด เสริมหลังข้อ 2–3

เคล็ดลับยั่งยืน: ทำ “แผนที่ฮอตสปอต” ความชื้น–ท่อดิน–จุดที่แมลงเม่าบินเข้า แล้วตั้งรอบตรวจ ทุก 1–3 เดือน; การป้องกันเชิงโครงสร้าง (ซีลรอยต่อ–กันชื้น) มักลดความเสี่ยงได้ยาวกว่าสเปรย์เป็นครั้งคราวมากนัก.

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 542,548