พิษเหยื่อหนูออกฤทธิ์ช้า: อาการตกเลือด ปฐมพยาบาล และวิธีใช้ให้ปลอดภัย
พิษ “เหยื่อหนูออกฤทธิ์ช้า” (วอร์ฟาริน–โบรดิฟาคูม): อาการเตือน วิธีปฐมพยาบาล และเช็กลิสต์ความปลอดภัย
เหยื่อกำจัดหนูประเภท ออกฤทธิ์ช้า (anticoagulant rodenticides) เช่น
วอร์ฟาริน (warfarin), คูมาเตตระลิล (coumatetralyl), โบรดิฟาคูม (brodifacoum), โบรมาไดโอโลน (bromadiolone), โฟลคูมาเฟน (flocoumafen), ไดเฟไทอะโลน (difethialone)
ทำให้เลือดแข็งตัวได้ยาก หาก “รับประทานมาก/ต่อเนื่อง” เสี่ยง ตกเลือดภายใน รุนแรงถึงชีวิต

อาการเกิดพิษ: รู้ให้ไว ช่วยได้เร็ว
- สัญญาณเลือดออก: เลือดกำเดาไหล เลือดออกตามเหงือก อุจจาระดำหรือมีเลือดปน
- อาการภายใน: ปวดท้อง/ปวดหลัง (บ่งชี้เลือดออกในช่องท้อง) หน้ามืด อ่อนเพลีย ตัวซีด
- ภาวะรุนแรง: เสียเลือดมาก ช็อก หมดสติ (ฉุกเฉิน โทร 1669 ทันที)
เคล็ดลับจำง่าย: “ช้ำ–ชิด–ซีด–ช็อก” (ช้ำ/เลือดออกง่าย, ชิดเหงือกเลือดออก, ซีดอ่อนเพลีย, ช็อกฉุกเฉิน)
3 ขั้นตอนแรกเมื่อเกิดเหตุ (ทำทันที)
- ซักข้อมูล: ใคร–กิน/สัมผัสเท่าไหร่–เมื่อไร–อย่างไร อาการปัจจุบัน ยา/แอลกอฮอล์ที่ใช้
- เก็บหลักฐาน: ภาชนะ/ฉลาก อุปกรณ์พ่น จุดหกหรือตกค้าง เครื่องมือชำรุด
- ประเมินหน้างาน: มีกลิ่นหรือการปนเปื้อนต่อเนื่องหรือไม่—เพื่อความปลอดภัยผู้ช่วยเหลือ
การปฐมพยาบาลตาม “ช่องทางสัมผัส”
สัมผัสผิวหนัง/เส้นผม
- ถอดเสื้อผ้าที่ปนเปื้อนทันที
- ล้างด้วยน้ำ+สบู่ “มากและนาน” หลีกเลี่ยงขัดถูแรง
- ซับให้แห้ง คลุมผ้าสะอาดหลวม ๆ
- เสื้อผ้าที่เปื้อนให้แยกทิ้ง/ซักแยก
เข้าตา
- แหกหนังตา ล้างผ่านตา 15 นาทีเต็ม ด้วยน้ำสะอาด
- ปิดตาด้วยผ้าสะอาด แล้ว ไปพบแพทย์ทันที
สูดดม
- เคลื่อนย้ายไปบริเวณอากาศถ่ายเท (หลีกเลี่ยงให้ผู้ป่วยเดินเอง)
- คลายเสื้อผ้า ดูแลให้อบอุ่น–สงบ
- หากมีอาการชัก/หายใจผิดปกติ ให้ ช่วยหายใจ และเรียกฉุกเฉิน 1669
เข้าทางปาก
- ยังไม่กลืน: บ้วนปากด้วยน้ำมาก ๆ แล้วดื่มน้ำ/นมในปริมาณมาก
- กลืนแล้ว: อย่าทำให้อาเจียนเอง เว้นแต่ฉลากระบุชัด
- ห้ามทำให้อาเจียน เมื่อผู้ป่วยหมดสติ/ชัก, เป็น กรด–ด่างกัดกร่อน, หรือเป็นผลิตภัณฑ์สูตร EC/OL (เสี่ยงสำลักตัวทำละลายปิโตรเลียมเข้าปอด)
- เตรียม ฉลาก/ภาชนะ ไปให้แพทย์ดูทุกครั้ง
เมื่อใดต้องไปโรงพยาบาลทันที
- มีเลือดออกผิดปกติ (เหงือก/จมูก/อุจจาระดำ)
- ปวดท้อง/หลังรุนแรง หน้ามืด อ่อนเพลียมาก
- เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ตั้งครรภ์ หรือผู้มีโรคตับ/เลือด—แม้สัมผัสปริมาณน้อย
ใช้เหยื่อหนูอย่างปลอดภัย (ลดเสี่ยงตั้งแต่ต้นทาง)
- อ่านฉลาก–ปฏิบัติตามอัตราและตำแหน่งวางเหยื่อ อย่างเคร่งครัด
- วางเหยื่อใน กล่องเหยื่อปิดมิดชิด หลีกเลี่ยงการเข้าถึงของเด็ก/สัตว์เลี้ยง/สัตว์ป่า
- สวม ถุงมือ–หน้ากาก–แว่นป้องกัน ขณะผสม/วางเหยื่อ
- ห้ามปนเปื้อนอาหาร ภาชนะครัว และแหล่งน้ำ
- สำรวจและเก็บซากหนู–เศษเหยื่อทิ้ง อย่างปลอดภัย ทุกวัน
- เก็บผลิตภัณฑ์ในตู้ที่ล็อกได้ แยกจากอาหารและอาหารสัตว์
สรุปสั้น
เหยื่อหนูออกฤทธิ์ช้า ยับยั้งการแข็งตัวของเลือด เสี่ยงตกเลือดถึงชีวิต อาการเด่นคือเลือดออกผิดปกติ–อุจจาระดำ–อ่อนเพลียซีด การช่วยเหลือที่ถูกต้องคือ หยุดสัมผัส–ล้างตามช่องทาง–งดอาเจียนโดยพลการ–พบแพทย์พร้อมฉลากผลิตภัณฑ์ ทันทีที่มีอาการ
FAQ : — 3 คำถามยอดฮิต ของ พิษ “เหยื่อหนูออกฤทธิ์ช้า” (ที่คนมักเสิร์ช)
คำถามที่ 1 เผลอกินเหยื่อหนู (warfarin/brodifacoum) ไป “ต้องทำยังไงทันที” และอาการจะออกเมื่อไร?
- ทำทันที: บ้วนปาก → ดื่มน้ำ/นม → อย่า ทำให้อาเจียนเอง → ไปโรงพยาบาลพร้อม ฉลาก/ภาชนะ ผลิตภัณฑ์
- ตรวจที่ รพ.: มักเช็ก PT/INR เพื่อดูภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ
- อาการช้ากว่า 0 วัน: กลุ่มนี้มักเริ่มมีอาการ 24–72 ชม. หลังรับสาร (ช้ำง่าย เลือดกำเดา เหงือกเลือดออก อุจจาระดำ เวียนศีรษะ ซีด) แต่ อย่ารออาการ ให้ไป รพ. ทันทีที่สงสัยกินเข้าไป
- การรักษาทั่วไป (โดยแพทย์): ให้ วิตามิน K1 ตามดุลยพินิจและติดตามค่า PT/INR จนกลับปกติ
คำถามที่ 2 สุนัข/แมวกินเหยื่อหนูเข้าไป ทำอะไรได้บ้างก่อนถึงหมอ? ถ่านกัมมันต์ช่วยไหม?
- โทรหาสัตวแพทย์ทันที และบอก “ชื่อสาร” บนฉลาก (เช่น brodifacoum/bromadiolone/warfarin)
- ภายใน 1–2 ชม. แรก: สัตวแพทย์อาจพิจารณาให้ activated charcoal (ถ่านกัมมันต์) ช่วยลดการดูดซึม (ทำโดยมืออาชีพปลอดภัยกว่า)
- ห้ามทำให้อาเจียนเอง หากสัตว์ซึม ชัก หรือเป็นสูตรน้ำมัน/ตัวทำละลาย
- สัญญาณเตือนในสัตว์: เหงือกซีด ไอเป็นเลือด อุจจาระดำ อ่อนแรง หายใจถี่ ท้องโตผิดปกติ → ด่วนมาก
- การรักษาที่คลินิก: วิตามิน K1 ระยะยาว + ตรวจเลือดซ้ำตามนัด (ซูเปอร์วาร์ฟารินเช่น brodifacoum อาจต้องให้วิตามิน K1 หลายสัปดาห์)
คำถามที่ 3 ต่างกันยังไง: “วาร์ฟารินรุ่นแรก” vs “โบรดิฟาคูมรุ่นสอง” เรื่องความเสี่ยงและการป้องกันในบ้านมีเด็ก/สัตว์เลี้ยง?
รุ่นแรก (warfarin/coumatetralyl): ต้องกินหลายมื้อจึงเป็นพิษรุนแรง → ความเสี่ยง ทุติยภูมิ ต่อสัตว์นักล่า/สัตว์เลี้ยง ต่ำกว่า แต่ยังอันตรายถ้ากินตรงๆรุ่นสอง (brodifacoum/bromadiolone/…): one-feed kill พิษแรงและอยู่นาน → เสี่ยงทั้ง ปฐมภูมิ (สัตว์เลี้ยงกินเหยื่อ) และ ทุติยภูมิ (กินซากหนู) สูงกว่า
บ้านที่มีเด็ก/สัตว์เลี้ยง:
- ใช้ สถานีเหยื่อแบบล็อกกุญแจ เท่านั้น และติดรหัส/ตารางตรวจเก็บทุกครั้ง
- พิจารณา รุ่นแรก + กับดักเชิงกล เป็นหลักในโซนเสี่ยงสูง
- เก็บซากหนูทันที (ถุง 2 ชั้น ผูกแน่น) และทำความสะอาดจุดตกเลือด
- ทำ IPM: อุดช่อง ≥6–8 มม., เก็บขยะ/อาหารให้มิดชิด, วางกับดักถี่ตามแนวผนัง เพื่อลดการพึ่งเหยื่อเคมี
ถ้าใครก็ตามมีอาการ “เลือดออกง่าย–ช้ำง่าย–ซีด–หน้ามืด” หลังสัมผัสเหยื่อหนู ให้ไปโรงพยาบาลทันที และนำฉลากผลิตภัณฑ์ไปด้วยเสมอ.




