สารออร์กาโนคลอรีน (DDT ฯลฯ): ทำไมวันนี้จึง “ห้ามใช้”
สารออร์กาโนคลอรีน (Organochlorine): ของแรงยุคเก่า ตกค้างยาว เสี่ยงสูง—ทำไมวันนี้ถึง “ห้ามใช้”
ไฮไลต์สั้นๆ
- กลุ่มสารอินทรีย์ที่มี “คลอรีน–คาร์บอน–ไฮโดรเจน” (บางตัวมีออกซิเจน) หรือที่เรียก Chlorinated hydrocarbon
- คุณสมบัติเด่น: คงตัวสูง ตกค้างยาว ไม่ละลายน้ำ ละลายในน้ำมัน → สะสมในไขมันสิ่งมีชีวิต
- ตัวอย่าง: DDT, Chlordane, Aldrin, BHC, Dieldrin, Heptachlor
- ปัจจุบัน: หลายชนิด จัดเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 (ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535) ห้ามผลิต–นำเข้า–ส่งออก–ครอบครอง เพราะเสี่ยง มะเร็ง–พิษต่อสัตว์เลือดอุ่น–สะสมในห่วงโซ่อาหาร
Organochlorine คืออะไร? ทำไมเคย “ปัง” ในอดีต
สารออร์กาโนคลอรีนเป็นยาฆ่าแมลงยุคบุกเบิกของงานบ้านเรือน/สาธารณสุข—ผลึกสีขาว ไม่มีกลิ่น ใช้แล้วอยู่ยาวเพราะ คงตัว–สลายช้า จึงให้ฤทธิ์ตกค้างดีมากในพื้นที่พ่นและบนพื้นผิวต่างๆ ช่วยลดแมลงพาหะได้ในช่วงแรกของศตวรรษก่อน
แต่ “ข้อดี” เหล่านี้กลับกลายเป็น ข้อเสียเชิงนิเวศและสุขภาพ ในระยะยาว: สารไม่ละลายน้ำ → ล้างไม่ออก, ละลายในไขมัน → สะสมในร่างกายสิ่งมีชีวิต, เคลื่อนผ่านห่วงโซ่อาหาร → ยิ่งระดับสูงยิ่งเข้มข้น (bio-magnification)
ทำไมวันนี้ถึง “ห้ามใช้”
- อันตรายต่อสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม (รวมถึงคนและสัตว์เลี้ยง) ทั้งพิษเฉียบพลันและเรื้อรัง
- หลักฐานก่อมะเร็ง/รบกวนต่อมไร้ท่อ และผลกระทบต่อการสืบพันธุ์
- ตกค้างในสิ่งแวดล้อมยาวนาน สะสมจากดิน–น้ำ → สัตว์น้ำ–สัตว์บก → คน
- กฎหมายไทย: หลายรายการถูกจัดเป็น วัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามเกี่ยวข้องทุกกรณี
ตัวอย่างสารกลุ่มนี้: DDT, Chlordane, Aldrin, BHC (Lindane), Dieldrin, Heptachlor
ถ้ามีของเก่าค้างสต็อก ต้องทำอย่างไร?
- ห้ามใช้/ห้ามถ่ายเท ให้บุคคลอื่น
- ติดต่อหน่วยงานที่รับกำจัดวัตถุอันตรายอย่างถูกกฎหมาย เพื่อ เก็บ–ขน–กำจัด ตามมาตรฐานความปลอดภัย
- ห้ามทิ้งลงท่อ/ขยะทั่วไป/ฝังดิน—เสี่ยงทั้งกฎหมายและสิ่งแวดล้อม
ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่า (และได้ผลกว่าในโลกจริง)
ย้ายจาก “สารตกค้างโหด” ไปสู่ IPM (Integrated Pest Management) ที่ยั่งยืน:
- สุขาภิบาล & จัดสภาพแวดล้อม: ตัดแหล่งอาหาร–น้ำ–ที่พัก
- กั้นทางเข้า (Exclusion): ซีลช่องรอยต่อ/ตาข่าย/แผ่นกันแทะ
- วิธีกล–กายภาพ: กับดัก, กาวดัก, ดูดฝุ่น, โฟมอุดรู
สารสมัยใหม่/สารสกัดพืช (ตามฉลากถูกกฎหมาย):
- กลุ่ม ไพรีทรอยด์สังเคราะห์ (ใช้แบบมีแผน ลดดื้อยา)
- IGRs (ตัวควบคุมการเจริญ) เพื่อตัดวงจรชีวิต
- เหยื่อพิษกำหนดเป้าหมาย ใน “สถานีเหยื่อล็อก” (หนู/แมลงสาบ)
- Botanical เช่น ตะไคร้หอม หนอนตายหยาก โล่ติ๊น (ใช้ตามคำแนะนำฉลากเสมอ)
Organochlorine ไม่ใช่คำตอบ: ตารางเทียบความเสี่ยง–สถานะกฎหมาย–ตัวเลือกทดแทน
สารต้องห้าม (ตัวอย่าง) | คุณสมบัติเด่น | ความเสี่ยงหลัก | สถานะกฎหมายในไทย* | ตัวเลือกแทน (แนะนำให้ใช้แบบ IPM) |
---|---|---|---|---|
DDT (dichlorodiphenyl trichloroethane) | คงตัวสูง ตกค้างยาวมาก ไม่ละลายน้ำ ละลายในไขมัน | สะสมในห่วงโซ่อาหาร, รบกวนต่อมไร้ท่อ, เสี่ยงก่อมะเร็ง, กระทบระบบสืบพันธุ์และนิเวศ | วัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ห้ามผลิต/นำเข้า/ส่งออก/ครอบครอง | ปรับสุขาภิบาล–กั้นทางเข้า; IGR (เช่น pyriproxyfen, s-methoprene); ไพรีทรอยด์สังเคราะห์ แบบหมุนเวียนสาร; เหยื่อ/เจล เฉพาะจุด; สารสกัดพืช (เช่น ตะไคร้หอม) ตามฉลาก |
Chlordane | ฤทธิ์ตกค้างยาว เคลือบพื้นผิวได้ดี | พิษต่อสัตว์เลือดอุ่น, สะสมในไขมัน, ยาวนานในดิน/น้ำ | ชนิดที่ 4 (ห้าม) | IPM + โฟม/OL อัดจุดสำหรับงานโครงสร้าง (ใช้สารที่ขึ้นทะเบียนปัจจุบัน), SC/WP รอบปริมณฑล, เฝ้าระวัง/อุดช่อง |
Aldrin / Dieldrin | ออกฤทธิ์แรง ตกค้างยาว | พิษสูงเฉียบพลันและเรื้อรัง, สะสมในเนื้อเยื่อ, เสี่ยงต่อระบบประสาท | ชนิดที่ 4 (ห้าม) | ลดแหล่งเพาะ–กับดัก; ULV ในกรณีจำเป็น (ตามคู่มือความปลอดภัย); IGR + เหยื่อ ตัดวงจร; หมุนเวียนสารลดดื้อยา |
Heptachlor | คงทนสูง ฆ่าแมลงดิน/โครงสร้าง | สะสมทางชีวภาพ, ยาวนานในสิ่งแวดล้อม, เสี่ยงก่อมะเร็ง |
ชนิดที่ 4 (ห้าม) | งานโครงสร้างใช้ Foam/SC ที่ขึ้นทะเบียนแทน; เสริม กับดักตรวจติดตาม และ ซีลรอยต่อ |
BHC (Lindane) | ออกฤทธิ์กว้าง ตกค้างกลาง–ยาว | พิษต่อระบบประสาท, สะสมในไขมัน, ผลกระทบต่อสัตว์ป่า | ชนิดที่ 4 (ห้าม) | เจล/เหยื่อสถานี สำหรับแมลงสาบ/หนู, SC/EC ที่ขึ้นทะเบียนในอาคารด้วยโปรแกรม IPM, สุขาภิบาลเข้ม |
*สถานะย่อ: “วัตถุอันตรายชนิดที่ 4” ตาม พ.ร.บ.วัตถุอันตราย พ.ศ. 2535 = ห้ามผลิต นำเข้า ส่งออก และมีไว้ในครอบครอง
FAQ — 3 คำถามยอดฮิต ของ สารออร์กาโนคลอรีน (Organochlorine) ถูกแบนเพราะอะไร? ใช้อะไรแทนดี?
คำถามที่ 1 DDT/ออร์กาโนคลอรีน “ยังใช้ได้ไหมในไทย?” ผิดกฎหมายแค่ไหน
สั้น ๆ: ใช้ไม่ได้ทุกกรณี. สารอย่าง DDT, chlordane, aldrin, dieldrin, heptachlor, BHC (lindane) ถูกจัดในกลุ่มวัตถุอันตรายร้ายแรง (ห้ามผลิต–นำเข้า–ส่งออก–ครอบครอง–ใช้). ถ้ามีของเก่าค้างสต็อก อย่านำไปใช้/แบ่งขาย/ทิ้งถังขยะ ให้ติดต่อหน่วยงานรับกำจัดของเสียอันตรายเพื่อเก็บ–ขน–ทำลายตามมาตรฐาน ความเสี่ยงทั้งกฎหมายและสิ่งแวดล้อมสูงมากหากทิ้งเองคำถามที่ 2 สารพวกนี้ตกค้าง “นานแค่ไหน” และอันตรายอย่างไรต่อคน–สิ่งแวดล้อม
- คงตัวสูง–สลายช้า: ไม่ละลายน้ำ แต่ ละลายในไขมัน → สะสมในเนื้อเยื่อไขมันของสัตว์และคน
- ไบโอแมกนิฟิเคชัน: ยิ่งอยู่ลำดับสูงของห่วงโซ่อาหาร ความเข้มข้นยิ่งสูง (ทะยานจากดิน/น้ำ → ปลา–สัตว์บก → มนุษย์)
- ความเสี่ยงสุขภาพ: หลักฐานเชื่อมโยงกับ มะเร็ง, การรบกวนฮอร์โมน (endocrine), ระบบสืบพันธุ์ และพิษต่อระบบประสาท/ตับในสัตว์เลือดอุ่น
- แปลว่าแม้ “ฉีดครั้งเดียว” ก็ทิ้งร่องรอยในระบบนิเวศได้ ยาวนานหลายปี และย้อนกลับมายังอาหารของเราได้ง่าย
คำถามที่ 3 ถ้า “ห้ามใช้” แล้วจะแก้ปัญหาแมลง/หนูอย่างไรให้ได้ผลจริง—ปลอดภัยกว่า
ใช้แนวทาง IPM (Integrated Pest Management) แทน “สารตกค้างโหด”:
- สุขาภิบาล: ปิดฝาถัง–ตัดแหล่งอาหาร/น้ำ/ที่พัก
- Exclusion: ซีลช่อง ≥ 6–8 มม., มุ้งลวด/ยางกั้นลม, แผ่นกันแทะ
- กับดัก/วิธีกล: กาวดัก, สแน็ปแทรป, ดูดฝุ่น, โฟมอุดรู
สารสมัยใหม่ที่กำหนดเป้าหมายมากกว่า (อ่านฉลากเคร่งครัด):
- เหยื่อเจล/สเตชันเหยื่อ สำหรับแมลงสาบ–หนู
- IGR (ตัวควบคุมการเจริญ) เพื่อตัดวงจรไข่–ตัวอ่อน
- ไพรีทรอยด์รุ่นใหม่ ใช้เฉพาะ Crack & Crevice และ หมุนเวียนกลุ่มสาร ลดดื้อยา
- สารจากพืช (botanical) เช่น ตะไคร้หอม/หนอนตายหยาก/โล่ติ๊น ในงานที่เหมาะสม