แมลงวันก้นขน (Lydella grisescens) คืออะไร? บทบาท ตัวตน และวิธีใช้ประโยชน์ใน IPM
ทำไม “แมลงวันก้นขน” ถึงสำคัญต่อแผน IPM
-
ลดหนอนศัตรูพืชอย่างจำเพาะ: ตัวอ่อนกินจากภายในหนอน เป้าหมายตายก่อนถึงระยะทำลายผลผลิตรุนแรง
- ลดการพึ่งพาสารเคมี: ช่วยผ่อนภาระการฉีดพ่น เสริมความยั่งยืน และลดความเสี่ยงตกค้าง
-
ทำงานเงียบแต่ยาวนาน: พบมากในแหล่งธรรมชาติที่แสงถึง พบบทบาทคงเส้นคงวาในฤดูที่หนอนชุกชุม
ตัวตน & จุดสังเกตภาคสนาม
-
อนุกรมวิธาน: วงศ์ Tachinidae, อันดับ Diptera (แมลงวัน)
-
ขนาด: ยาวราว 5–6 มม. ลำตัวเทาอมฟ้า ท้องมีขนแน่น และลายพาดขวาง ตารวมสีน้ำตาลแดง
- ปาก: แบบซับดูด (sponging)
-
หนวด: แบบ aristate มี arista เส้นเล็กที่ปลายหนวดเด่นชัด
-
ปีก: มี 1 คู่ (อีกคู่ลดรูปเป็น haltere) เด่นแบบ Diptera
-
พฤติกรรม: ชอบพื้นที่กลางแจ้ง แดดถึง เกาะพักบนพืช/โครงสร้างในแปลง
วงจรชีวิต (รู้เวลา = วางแผนชนะ)
ไข่: 8–72 ชม. ตัวเมียวางครั้งละ ~120–150 ฟอง (รวมชีวิตให้ลูกหลาน 200–1,000 ฟอง) สีขาวตัวอ่อน: 3–60 วัน—เจริญในตัวหนอนศัตรูพืช กินจากภายใน
ดักแด้: 3–28 วัน—ออกพ้นตัวหนอนมาดักแด้ภายนอก
ตัวเต็มวัย: 21–28 วัน (ตัวผู้เฉลี่ย ~17 วัน, ตัวเมีย ~29 วัน ที่ 25°C/ความชื้นสัมพัทธ์ 45%)
หัวใจ: การรู้หน้าต่างเวลาที่ “ตัวอ่อนอยู่ในหนอน” ทำให้เรา “หลีกเลี่ยง” การฉีดที่ไปฆ่าผู้ช่วย และเลือกใช้วิธีอื่นแทน
กินอะไร–ล่าอย่างไร
- อาหารตัวเต็มวัย: น้ำหวาน ซากอินทรีย์ (ช่วยรีไซเคิลธรรมชาติ)
-
บทบาทตัวเบียน: วางไข่กับ/ในตัวหนอนศัตรูพืช ตัวอ่อนกินเนื้อเยื่อหนอนและออกมาดักแด้ภายนอก ลดประชากรหนอนได้ตรงจุด
กลยุทธ์ “อนุรักษ์ผู้ช่วย” + คุมศัตรูพืชอย่างสมดุล
เป้าหมาย: รักษาแมลงวันก้นขนไว้ให้มากที่สุด พร้อมลดหนอนศัตรูพืชให้ต่ำกว่าค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ
1)สุขาภิบาล & โครงสร้าง (Non-chemical First)
-
จัดการเศษอินทรีย์–ท่อน้ำทิ้งให้สะอาด ลดแหล่งเพาะแมลงวันไม่พึงประสงค์ โดยยังรักษาแหล่งเกสร/น้ำหวานธรรมชาติในพื้นที่เสริม (เช่น พืชดอกขอบแปลง) สำหรับผู้ล่า/ตัวเบียน
- ใช้มุ้งลวด ม่านลม แถบพลาสติก กั้นแมลงเข้าสิ่งปลูกสร้าง
2) วิธีกล & กายภาพ (Targeted)
- เก็บกวาดหนอน–ดักแด้ในจุดระบาด
-
ใช้กรง/มุ้ง/สวิงเฉพาะจุด—หลีกเลี่ยงการกวาดล้างทั้งระบบเพื่อไม่กระทบผู้ล่า/ตัวเบียน
3) ชีววิธี (Biological-first)
- เสริมพืชดอกให้แหล่งอาหารตัวเต็มวัย (nectar resource provisioning)
- เว้น “เขตปลอดเคมี” ในช่วงพบตัวเบียนทำงานเข้มข้น (สังเกตรอยเจาะออกจากตัวหนอน/อัตราดักแด้ในพื้นที่)
4) เคมีแบบแม่นยำ (เฉพาะจำเป็น)
- หากต้องพ่นในจุดวิกฤต ให้พิจารณา ฉีดพ่นเป็นหย่อม/ขอบแปลง, เลือกสารและเวลาที่ กระทบน้อยสุด ต่อ Tachinidae
-
ตัวอย่างกลุ่มสารที่เอกสารกล่าวถึงในการจัดการแมลงวัน/ตัวอ่อนบางระยะ ได้แก่ diazinon, fenitrothion, pirimiphos-methyl และแนวทาง เหยื่อ/เชือกทาเหยื่อ แต่ควรใช้โดยผู้เชี่ยวชาญภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยเท่านั้น
ทิป: ตั้ง “เกณฑ์ตัดสินใจพ่น (action threshold)” จากการสำรวจ—หากพบสัญญาณตัวเบียนเพิ่มขึ้น ให้ชะลอการพ่นและเน้นเก็บเชิงกล/สุขาภิบาลแทน เพื่อลดผลกระทบต่อประชากรตัวเบียน
เช็กลิสต์ภาคสนาม (พร้อมใช้)
- สำรวจรอย ดักแด้สีน้ำตาลแดง รอบแปลง/ใต้ใบ (สัญญาณตัวเบียนทำงาน)
- บันทึกอัตราหนอนเป็นรายสัปดาห์ + สัดส่วนหนอนถูกเบียน
- เว้นเขตไม่พ่น เมื่อพบอัตราเบียนเพิ่ม
- ใช้เหยื่อ/เชือกทาเหยื่อ “เฉพาะจุด” หากต้องลดแมลงวันผู้ใหญ่ในพื้นที่ปิด (ป้องกันสิ่งปนเปื้อน)
ติดต่อที่ปรึกษา IPM/บริการควบคุมแมลงแบบมืออาชีพ
Green Agroscience Co., Ltd.
HOT LINE: 081-421-8517, 081-905-6566
Website: greenbestproduct.com | Email: customer-service@greenbestproduct.com
FAQ: 3 คำถามยอดฮิต ของ แมลงวันก้นขน (Tachina fly, Lydella grisescens)
คำถามที่ 1 แมลงวันก้นขน “อันตรายกับคน/พืช” ไหม ต่างจากแมลงวันบ้านอย่างไร?
- ไม่อันตรายกับคน: ไม่กัด ไม่ดูดเลือด ไม่แพร่โรคเหมือนแมลงวันบ้าน—ตัวเต็มวัยกินน้ำหวาน/น้ำเลี้ยงพืช
- ไม่ทำลายพืช: ระยะที่ทำงานคือ ตัวอ่อนภายในตัวหนอนศัตรูพืช (เป็น “ตัวเบียน”) ไม่กัดกินส่วนพืชโดยตรง
- ประโยชน์ในแปลง: ช่วยกดจำนวนหนอนศัตรูให้ต่ำกว่าระดับเสียหายทางเศรษฐกิจ ลดการพึ่งพาสารเคมีในระบบ IPM
คำถามที่ 2 มันช่วยกำจัด “หนอนอะไรได้บ้าง” และรู้ได้ไงว่าในแปลงเรากำลังมีตัวเบียนทำงาน?
1) กลุ่มเป้าหมายหลัก: หนอนผีเสื้อ/หนอนเจาะลำต้นหลายชนิดในพืชไร่–ผัก–ข้าว (ขึ้นกับชนิดพื้นที่และฤดูกาล)2) สัญญาณว่ากำลังทำงาน
- พบ ดักแด้สีน้ำตาลแดง เล็ก ๆ นอกตัวหนอน/ใกล้แหล่งระบาด
- หนอนมีอาการ ฟีบ ตายก่อนเข้าดักแด้ จำนวนเพิ่มขึ้นโดย ไม่ได้พ่นสาร
- ทำ สุ่มชันสูตรหนอน 20–30 ตัว/แปลงต่อสัปดาห์ ดูรอยไข่ติดผิว/รอยตัวอ่อนเจาะเข้า และคำนวณ อัตราถูกเบียน (%)
คำถามที่ 3 จะ “อนุรักษ์/ดึง” แมลงวันก้นขนให้เยอะขึ้นได้ยังไง และถ้าจำเป็นต้องพ่น ควรเลือกอะไรเพื่อกระทบตัวเบียนน้อยสุด?
1) อนุรักษ์ในแปลง (Conservation biological control)
- ปลูก/คง พืชดอกขอบแปลง (เช่น ดาวเรือง โสน/ถั่วเขียว) เป็นแหล่งน้ำหวาน–ละอองเกสรให้ตัวเต็มวัย
- จัด โซนปลอดเคมี ในจุดที่พบดักแด้/อัตราเบียนสูง และ เว้นช่วงพ่น เมื่อข้อมูลสำรวจบอกว่าตัวเบียนกำลังพีก
- ลดแหล่งขยะอินทรีย์เลอะเทอะ แต่ รักษาพื้นที่พืชดอก ให้ผู้ล่ามีอาหาร
2) การพ่นแบบ “เข้ากันได้” กับตัวเบียน
- ถ้าจำเป็น ให้ใช้ พ่นเป็นหย่อม/พ่นขอบแปลง เลี่ยงการสาดกว้างทั้งแปลง
- พิจารณาสารที่ คัดเป้าหมายหนอน และกระทบผู้ช่วยต่ำกว่า (เช่น Bt, Spinosad) ตามคำแนะนำฉลาก–ผู้เชี่ยวชาญ
- เลี่ยง การใช้สารออกฤทธิ์กว้าง/ออกฤทธิ์ยาว (เช่น ไพรีทรอยด์/ออร์กาโนฟอสเฟต) ในช่วงที่พบอัตราเบียนสูง เพราะจะลบล้างผลดีของตัวเบียน
- เลือกเวลา พ่นที่ไม่ชน “หน้าต่างไวต่อสาร” ของตัวเบียน (เช่น หลีกช่วงพบดักแด้–ตัวเต็มวัยกำลังออก) และพ่นช่วง ลมสงบ เพื่อลดฟุ้งกระทบโซนที่เว้นไว้




