ปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมส (Dicuspiditermes) | รู้จักปลวกเลือด สายพันธุ์หายากของไทย
ปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมส (Dicuspiditermes): ปลวกเลือดผู้พิทักษ์แห่งผืนป่าไทย
รู้จักกับปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมส – ปลวกเลือดสายพันธุ์ลึกลับ
ในบรรดาปลวกหลายร้อยสายพันธุ์ที่พบในประเทศไทย “ปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมส” (Dicuspiditermes sp.) ถือเป็นสายพันธุ์ที่น่าสนใจและน่าศึกษาอย่างยิ่ง ด้วยพฤติกรรมที่ สามารถพ่นสารสีแดงคล้ายเลือดออกมาเพื่อป้องกันตัว จนชาวบ้านเรียกกันติดปากว่า “ปลวกเลือด”
_.jpg)
ลักษณะทางชีววิทยาและสัณฐานวิทยา
- ชื่อสามัญ: Dicuspiditermes
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Dicuspiditermes sp.
- วงศ์: Termitidae
- อันดับ: Blattodea
ลักษณะเด่น
- ความยาวลำตัวประมาณ 5-6 มม.
- หัวทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- หนวดแบบลูกปัด (moniliform) มี 14 ปล้อง
- ขอบปากบน (labrum) เว้าลึก
- กรามไม่สมมาตรทั้งสองข้าง
- ปีกแบบบางใส (เฉพาะในวรรณะสืบพันธุ์)
- ขาแบบขาเดิน (walking leg)
ระบบวรรณะในรังปลวก
ปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมส เป็นแมลงสังคมที่มีการแบ่งวรรณะชัดเจน
วรรณะงาน (Worker)
- หาอาหาร, ซ่อมแซมรัง, ดูแลไข่, ป้อนอาหารให้ตัวอ่อนและปลวกทหาร
วรรณะทหาร (Soldier)
- ทำหน้าที่ป้องกันรัง
- มีกล้ามกรามใหญ่ ไม่สามารถกินอาหารเองได้ ต้องพึ่งพาวรรณะงานป้อนอาหาร
วรรณะสืบพันธุ์ (King & Queen)
- ราชินีทำหน้าที่วางไข่ได้สูงสุดถึง 1,000 ฟองต่อครั้ง
- ราชามีหน้าที่ผสมพันธุ์ตลอดชีวิต
- ราชินีบางสายพันธุ์มีช่องท้องขยายใหญ่เพื่อผลิตไข่ได้มากขึ้น
วงจรชีวิตปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมส
ระยะไข่:
- สีขาวกลมขนาดเล็ก
- ใช้เวลา 2–4 สัปดาห์ ในการฟัก
- ชุดแรกมี 15–30 ฟอง
ระยะตัวอ่อน:
- สีขาวคล้ายตัวเต็มวัย
- ค่อย ๆ เปลี่ยนรูปร่างทีละน้อย
- ยังไม่มีปีก
ระยะตัวเต็มวัย:
- อายุเฉลี่ย 4 ปี
- ราชินีอายุได้มากกว่า 20 ปี
พฤติกรรมและถิ่นอาศัย
อาหาร: อินทรียวัตถุ เช่น ดิน เศษใบไม้ ซากพืชรัง: สร้างจากดินสูงเหนือพื้นดิน ลักษณะคล้าย “หอคอย” หรือ “โดม”
พฤติกรรมพิเศษ:
- พ่นสารสีแดงคล้ายเลือด ออกมาเพื่อป้องกันศัตรู
- เป็นที่มาของชื่อ “ปลวกเลือด”
ที่อยู่อาศัย: มักอยู่ในพื้นที่ป่า ไม่ค่อยพบในบ้านเรือน
ความสำคัญเชิงนิเวศ
ปลวกชนิดนี้แม้จะไม่ใช่ศัตรูบ้าน แต่มีบทบาทสำคัญในระบบนิเวศ:
- ย่อยสลายซากพืชและใบไม้
- เพิ่มธาตุอาหารในดิน
- สร้างโพรงในดินที่ช่วยให้อากาศและน้ำไหลเวียนได้ดี
ปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมสกับการควบคุมแมลง
แม้ว่าปลวกชนิดนี้จะ ไม่ใช่ปลวกที่เข้าทำลายบ้านเรือนโดยตรง แต่การรู้จักลักษณะและพฤติกรรมของปลวกทุกชนิด ย่อมมีความสำคัญต่อการวางแผนการควบคุมแมลงในระดับมืออาชีพ โดยเฉพาะในพื้นที่ใกล้ป่า หรือโรงงานที่อยู่ใกล้ธรรมชาติ
สรุป: ปลวกเลือด – ผู้พิทักษ์แห่งดิน
ปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมส คือสายพันธุ์ปลวกที่มีทั้ง ความลึกลับ ความแปลกใหม่ และบทบาทสำคัญต่อธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นรูปร่างที่ไม่เหมือนใคร วงจรชีวิตที่ยาวนาน หรือพฤติกรรมการพ่นสารสีแดง หากคุณเป็นนักกีฏวิทยา นักอนุรักษ์ หรือผู้เชี่ยวชาญด้านแมลง ไม่ควรมองข้ามสายพันธุ์นี้เด็ดขาด
FAQ : 3 คำถามยอดฮิต ของ ปลวกไดคัสพิดิเทอร์เมส (Dicuspiditermes sp.) “ปลวกเลือด”
คำถามที่ 1 ของแดงที่ปลวก “พ่นเหมือนเลือด” คืออะไร อันตรายไหม ถ้าโดนผิวหนัง/สัตว์เลี้ยง?
เป็นของเหลวป้องกันตัวที่ปลวกทหารพ่นใส่ศัตรู มีสีแดง-ส้ม ไม่ได้มีพิษรุนแรงต่อคนหรือสัตว์เลี้ยงทั่วไป แต่ควรหลีกเลี่ยงการสัมผัสตรง ๆ เพราะอาจระคายผิว/ตาได้เล็กน้อยในคนผิวแพ้ง่ายเอาเป็นว่า: ไม่ใช่เลือด ไม่เป็นพาหะโรค ไม่ทำให้ไม้บ้านพังเหมือนปลวกบ้าน แต่ไม่ควรไปแหย่/ทำลายรังด้วยมือเปล่า
คำถามที่ 2 เจอ “จอมปลวกสีแดง/ปลวกเลือด” ในสวนหรือริมป่า ควรทำอย่างไร—ต้องกำจัดไหม?
- อยู่ไกลโครงสร้าง (>20–30 ม.) และไม่มีแนวทางเดินเข้าบ้าน → ปล่อยไว้ได้ เพราะเขาช่วยย่อยสลายซากพืช-พรวนดิน เป็นตัวดีของระบบนิเวศ
- ใกล้รากไม้ประดับ/ต้นผลไม้สำคัญ → เฝ้าดูอาการใบเหี่ยว เคาะลำต้นดูเสียงโปร่ง ถ้าปกติให้คงไว้และเว้นพื้นที่โล่งรอบจอม 0.5–1 ม.
- 
เสี่ยงต่ออาคาร/โรงเรือน (มีเศษไม้ชื้นติดพื้น ผนังชื้น ทางดินต่อถึงฐานบ้าน) → 
- เก็บเศษไม้-คลุมดินชื้นออก ทำแนวโล่งแห้งรอบฐานอาคาร
- อุดรอยแตกรั่ว ลดความชื้นใต้พื้น
- หากต้องย้าย/ลดประชากร ให้ติดต่อผู้เชี่ยวชาญใช้วิธีเชิงนิเวศ (ย้ายรัง/ทำแนวกั้นดินแบบไม่ไล่ปลวก) แทนการราดสารแรงโดยไม่จำเป็น
คำถามที่ 3 แยก “ปลวกเลือด” กับปลวกบ้าน (Coptotermes) ยังไง—เสี่ยงทำบ้านพังเหมือนกันไหม?
- ถิ่นอาศัย: Dicuspiditermes ทำ “จอมดินเหนือดิน” ในป่า/พื้นที่กึ่งธรรมชาติ กินอินทรียวัตถุ-ดินเป็นหลัก; Coptotermes เป็นปลวกใต้ดิน เน้น “ไม้-เซลลูโลส” และบุกเข้าบ้านผ่านดิน/รอยแตกร้าว
- พฤติกรรมป้องกันตัว: Dicuspiditermes พ่นของเหลวสีแดง; Coptotermes มีช่อง fontanelle ปล่อยของเหลวใส/ขาว
- ความเสี่ยงต่ออาคาร: Dicuspiditermes โดยทั่วไป ความเสี่ยงต่ำ ต่อโครงสร้าง (ไม่ใช่สายทำลายไม้โดยตรง) เว้นแต่มีทางเชื่อมความชื้นดีจากป่าสู่ตัวบ้าน; Coptotermes = ความเสี่ยงสูง ทำบ้านพังได้
 
         
          
         
         
                                                 
				    	 
 



