ปลวกดินหุน Microcerotermes crassus | รู้จักปลวกตัวจิ๋ว ศัตรูเงียบในบ้าน
ปลวกดินหุน (Microcerotermes crassus)
รู้จักศัตรูเงียบในบ้านและสวน ที่แพร่กระจายทั่วไทย
ปลวกดินหุน หรือ Microcerotermes crassus เป็นหนึ่งในสายพันธุ์ปลวกที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะตามชนบทและเขตชานเมือง พวกมันอาจดูไม่มีพิษภัย แต่แท้จริงแล้วคือศัตรูเงียบที่สร้างความเสียหายแก่ไม้และสิ่งก่อสร้างได้อย่างเงียบงัน
ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของปลวกดินหุน
- ชื่อสามัญ: ปลวกดินหุน
- ชื่อวิทยาศาสตร์: Microcerotermes crassus
- วงศ์: Termitidae
- อันดับ: Blattodea
ลักษณะทางสัณฐานวิทยา
- ขนาดลำตัว: ยาวประมาณ 5–6 มิลลิเมตร
- ลำตัว: สีน้ำตาลอมเหลือง หัวรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า
- ปีก: แบบบางใส (membrane)
- หนวด: แบบลูกปัด (moniliform)
- ขา: แบบขาเดิน (walking leg)
- ปาก: แบบกัดกิน (chewing type)
- อกปล้องแรก: คล้ายอานม้า
- กราม: ยาวคล้ายเคียว มีฟันเล็กด้านในเรียงตามความยาว
วงจรชีวิตของปลวกดินหุน
ปลวกดินหุนมีการเจริญเติบโตแบบสมบูรณ์ (Complete Metamorphosis) ได้แก่
- ไข่: สีขาว ขนาดเล็ก กลม ใช้เวลาฟักประมาณ 14–28 วัน
- ตัวอ่อน: สีขาว คล้ายตัวเต็มวัย แต่ยังไม่มีปีก
- ตัวเต็มวัย: มีอายุเฉลี่ย 4 ปี
- นางพญา: อายุยืนยาวถึง 10 ปีขึ้นไป วางไข่ได้ครั้งละสูงถึง 1,000 ฟอง
โครงสร้างวรรณะในสังคมปลวก
- วรรณะงาน (Worker): ทำหน้าที่หาอาหาร, ป้อนอาหาร, สร้างรัง
- วรรณะทหาร (Soldier): หัวใหญ่ กรามใหญ่ ใช้ป้องกันรัง ต้องพึ่งปลวกงานในการป้อนอาหาร
- วรรณะสืบพันธุ์ (Reproductive): คือราชาและราชินี ทำหน้าที่ขยายประชากรในรัง
พฤติกรรมและแหล่งอาศัย
- แหล่งอาหาร: กินไม้เนื้ออ่อน ซากไม้เก่า ไม้เปื่อย โดยกัดกินไปตามแนวเสี้ยนไม้
- แหล่งอาศัย: สร้างรังขนาดเล็กบนต้นไม้หรือใต้ดิน ลักษณะเป็นรังดิน พบได้ตามบ้านเรือน เขตชานเมือง หรือป่าเต็งรัง
- พฤติกรรมทางสังคม: เป็นแมลงสังคมที่แบ่งหน้าที่อย่างชัดเจน
การแพร่กระจายของปลวกดินหุน
ปลวกดินหุนพบได้ในทุกภูมิภาคของประเทศไทย และมักพบร่วมกับปลวก Coptotermes gestroi ในพื้นที่ป่าธรรมชาติ โดยเฉพาะป่าเบญจพรรณและป่าเต็งรัง
ความสำคัญและการควบคุม
แม้ปลวกดินหุนจะไม่ได้สร้างความเสียหายรุนแรงเท่าปลวกใต้ดินอย่าง Coptotermes แต่การระบาดของมันในบ้านเรือนหรือพื้นที่เกษตรกรรมก็สามารถก่อปัญหาได้ไม่น้อย ควรมีการตรวจสอบพื้นที่เสี่ยง และใช้ระบบเหยื่อปลวกหรือสารควบคุมแบบเฉพาะเจาะจง
FAQ: 3 คำถามยอดฮิต ของ ปลวกดินหุน (Microcerotermes crassus)
คำถามที่ 1 บ้านฉันเจอปลวกแล้ว จะรู้ได้ยังไงว่า “ดินหุน” ไม่ใช่ Coptotermes? อาการแบบไหนต้องรีบจัดการ
- สัญญาณเร็ว 60 วินาที: คราบดินบางๆ เคลือบผิวไม้/เสา (sheeting) ร่องรอยกัด ตามแนวเสี้ยนไม้ ไม้ผิวนอกพรุน แต่ยังดู “ไม่โปร่งทั้งชิ้น” แบบคอปโตฯ
- ตัวทหาร: หัวออกเหลี่ยม กรามยาวคล้ายเคียว ฟันเล็กเรียงด้านใน ต่างจาก Coptotermes ที่หัวทรงหยดน้ำ กรามสั้นหนา
- ทำเลรัง: รังดินเล็กบนต้นไม้/โพรงไม้ผุ หรือใต้ดินตื้นๆ รอบบ้าน/สวน มากกว่าฐานรากลึก
- เมื่อไหร่ต้องรีบแก้: พบคราบดินใหม่ๆ กัดกินวงกบ/ระแนงภายนอก + ไม้เริ่มบางร่อน/บวมชื้น → หยุดรื้อ–ถ่ายภาพจุดพบ และนัดตรวจเชิงลึกทันที
คำถามที่ 2 คุมปลวกดินหุนให้อยู่ ใช้อะไรเวิร์กที่สุด—เหยื่อ? ฉีดพ่น? หรือจัดการที่ต้นไม้?
ระบบเหยื่อ (Baiting) – เหมาะมากกับดินหุนเพราะคอลอนีไม่ใหญ่และหากินใกล้ผิวดิน/ไม้ผุ
- วางสถานีรอบบ้านทุก 3–5 ม. และ เสริม ที่โคนต้นไม้/แนวรั้วไม้
- ติดตามทุก 4 สัปดาห์ จนหยุดกินเหยื่อ 2–3 รอบติดกัน แล้วเปลี่ยนเป็นมอนิเตอร์รายไตรมาส
สารไม่ไล่ (Non-repellent) สำหรับไม้โครงสร้าง/แนวแตกรอยต่อ (เช่น fipronil, chlorantraniliprole, imidacloprid ระดับงานอาคาร)
- จุดเด่น: ออกฤทธิ์เงียบ ถ่ายทอดกันในรัง ลดการแตกฝูง
- ให้ผู้เชี่ยวชาญเจาะ–อัดตามมาตรฐานแนวฐานราก/จุดรั่ว
เคส “รังบนต้นไม้”
- ขูดรังดินออกบางส่วนเพื่อเปิดทางยา ห้าม โค่นต้นถ้าไม่จำเป็น
- ใช้ฝุ่น/เจลเฉพาะจุด + วงแหวนเหยื่อรอบโคนต้น เพื่อตัดวนซ้ำจากรังรอง
คำถามที่ 3 ป้องกันล่วงหน้าอย่างไร? ต้องตรวจถี่แค่ไหน และปลวก “กินคอนกรีต” ไหม
1) ไม่กินคอนกรีต แต่เลาะ รอยร้าว/ช่องท่อ ขึ้นบ้านได้ → อุดรอยต่อ ซ่อมรั่วซึมเป็นอันดับแรก2) เช็กลิสต์กันปลวกที่ได้ผล:
- ลดความชื้นรอบบ้าน ระบายน้ำฝนดี ไม่มีดิน/ปุ๋ย/คลุมวัสดุสัมผัสไม้
- เว้นช่องว่าง ไม้–ดิน ≥ 15 ซม. ใต้ระเบียง/ศาลา/วงกบ
- เก็บเศษไม้–พาเลต–กระดาษลัง พ้นผนัง ≥ 50 ซม.
- ใช้ไม้แห้งผ่านการอาบ/อบรักษาในงานซ่อม–ตกแต่ง
- ติดสถานีเหยื่อรอบบ้านเป็น มอนิเตอร์ถาวร (3–5 ม./จุดเสี่ยงเพิ่มความถี่)
4) ทิปฤดูกาล: หลังฝนค่ำๆ มักมีแมลงเม่าบินเข้าหาไฟ—เก็บปีก/ซากไว้เป็นหลักฐาน และสำรวจแนวฐานราก–วงกบทันทีวันถัดไป
สรุปสั้น: ดินหุนชอบไม้ผุ–ชื้นและรังตื้น “คุมความชื้น + ปิดทางขึ้น + เหยื่อมอนิเตอร์ + non-repellent เฉพาะจุด” คือสูตรที่แม่น ยั่งยืน และเป็นมิตรกับผู้อยู่อาศัยที่สุด
 
         
          
         
         
                                                 
				    	 
 



