ด้วงดำ (Lesser Mealworm): ศัตรูฟาร์มเลี้ยงสัตว์ตัวจิ๋วที่ต้องจัดการ | แมลงในอาหารสัตว์
ด้วงถั่วเขียว (Cowpea Weevil)
ภัยเงียบในโกดังถั่ว ที่ทำลายคุณภาพตั้งแต่เมล็ดแรก
ถ้าคุณประกอบธุรกิจเกี่ยวกับถั่ว ไม่ว่าจะเป็นถั่วเขียว ถั่วดำ ถั่วแดง หรือถั่วฝักยาว… หนึ่งในศัตรูตัวจิ๋วที่คุณไม่ควรมองข้ามก็คือ “ด้วงถั่วเขียว” หรือ Cowpea Weevil (Callosobruchus maculatus). แมลงตัวเล็กที่เจาะกินเมล็ดจากด้านใน ทำให้ผลผลิตเสียหาย เสื่อมคุณภาพ และไม่สามารถจำหน่ายได้!
แม้จะมีขนาดเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แต่ถ้าปล่อยให้แพร่พันธุ์ในโกดังเพียงไม่กี่รอบวงจร คุณอาจต้องทิ้งถั่วเป็นกระสอบๆ เลยทีเดียว
ทำความรู้จักด้วงถั่วเขียว (Callosobruchus maculatus)
- ชื่อสามัญ: Cowpea weevil
- ชื่อวิทยาศาสตร์:Callosobruchus maculatus (Fabricius)
- วงศ์: Chrysomelidae
- อันดับ: Coleoptera
ลักษณะทางกายภาพ:
- ขนาดลำตัว 3.0 – 4.5 มม. ลำตัวแคบเรียว สีออกน้ำตาล
- ปีกหน้าแบบแข็ง (Elytra) สั้น ไม่คลุมลำตัวทั้งหมด มีลวดลายจุดและแถบเข้ม
- ปีกหลังใสแบบ membrane ช่วยให้บินได้ดี
- หนวดแบบกึ่งฟันเลื่อย (subserrate)
- ขาหลังยาว ใช้สำหรับการเคลื่อนที่อย่างคล่องแคล่ว
- ลำตัวมีขนปกคลุม ทำให้ดูนวล
วงจรชีวิตของด้วงถั่วเขียว: สั้น แต่แพร่เร็ว
ด้วงชนิดนี้เจริญเติบโตแบบ Complete Metamorphosis หรือการแปลงร่างสมบูรณ์ ซึ่งใช้เวลาเพียง 3–4 สัปดาห์ต่อรอบชีวิต
- ระยะไข่ (3–6 วัน): ตัวเมียวางไข่ 40–100 ฟองต่อชีวิต ติดบนผิวเมล็ดที่เรียบ
- ระยะตัวอ่อน (13–20 วัน): หนอนเจาะเข้าไปภายในเมล็ด กัดกินจนกลวง
- ระยะดักแด้ (3–7 วัน): อยู่ภายในเมล็ด
- ระยะตัวเต็มวัย (3–10 วัน): บินออกมาผสมพันธุ์และวางไข่ต่อทันที
หนึ่งในจุดแข็งของแมลงชนิดนี้คือ สามารถขยายประชากรได้เร็วมากในพื้นที่เก็บถั่วที่ไม่มีระบบควบคุมแมลง
แหล่งอาหารของด้วงถั่วเขียว
- เมล็ดถั่วแทบทุกชนิด: ถั่วเขียว, ถั่วดำ, ถั่วพุ่ม, ถั่วแดง, ถั่วฝักยาว ฯลฯ
- ยกเว้นถั่วเหลือง ซึ่งมีความแข็งแรงและองค์ประกอบไม่เหมาะสมสำหรับการเจริญเติบโต
ลักษณะการทำลายที่ต้องระวัง
- ตัวอ่อนกัดกิน จากด้านในเมล็ด ทำให้เนื้อถั่วกลวง
- เมล็ดเสียหายจากภายใน ไม่สามารถเห็นด้วยตาเปล่าในช่วงแรก
- เมื่อเป็นตัวเต็มวัย จะเจาะเปลือกเมล็ดออกมา ทิ้งรอยเป็น “รูเล็กๆ”
- ส่งผลให้ น้ำหนักลดลง คุณภาพถั่วเสื่อม และเกิดเชื้อราได้ง่าย
การแพร่กระจาย
พบแพร่ระบาดทั่วไปใน เขตร้อนและกึ่งร้อน ทั่วโลก โดยเฉพาะในประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น ไทย, อินเดีย, เวียดนาม
วิธีป้องกันและควบคุมด้วงถั่วเขียว
✅ 1. การจัดการสถานที่จัดเก็บ
- ทำความสะอาดพื้นที่โกดังอย่างสม่ำเสมอ
- กำจัดเศษเมล็ดถั่วตกค้าง ที่อาจกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์
✅ 2. การควบคุมอุณหภูมิ
- ใช้ความร้อนหรือเย็นจัด เพื่อหยุดการเจริญเติบโตของแมลง
- เหมาะกับการจัดเก็บในถังปิด หรือห้องควบคุมอุณหภูมิ
✅ 3. การอบแก๊ส (Fumigation)
- อบก๊าซในถั่วที่ต้องจัดเก็บระยะยาว หรือถั่วที่เตรียมส่งออก
- ป้องกันการฟักตัวของไข่และตัวอ่อนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่า
✅ 4. การใช้กับดักฟีโรโมน (Pheromone Traps)
- ใช้ดักจับตัวเต็มวัยเพื่อลดการวางไข่
- เป็นเครื่องมือ monitor การระบาด ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทสรุป
แม้จะมีอายุไขสั้นเพียงไม่กี่วัน แต่ ด้วงถั่วเขียว คือศัตรูตัวร้ายในโกดังถั่ว เพราะมันทำลายผลผลิตจากภายในอย่างแนบเนียน และแพร่พันธุ์ได้เร็ว การป้องกันที่ดีควรเริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการจัดเก็บ ทำความสะอาด และควบคุมอุณหภูมิ — เพราะเพียงปล่อยให้หลุดลอดมาได้ไม่กี่ตัว อาจกลายเป็นการสูญเสียทั้งล็อตอย่างน่าเสียดาย
FAQ : 3 คำถามยอดฮิต ของ ด้วงถั่วเขียว (Callosobruchus maculatus) ที่คนมักค้นหา
คำถามที่ 1 จะรู้ได้ยังไงว่า “ถั่วในสต๊อกเริ่มติดมอด” ทั้งที่ยังไม่เห็นรู? ตรวจแบบเร็ว ๆ ทำยังไง
- สุ่มผ่า/ทุบเมล็ด 50–100 เมล็ด ต่อกระสอบ: มองหาโพรงคด ๆ และตัวหนอน/ดักแด้ขาวขุ่น
- ดูผงฝุ่นถั่ว (frass) ตามก้นกระสอบ/พาเลท—มีผงสีน้ำตาลละเอียดและเปลือกเมล็ดแตกปะปน
- ทดสอบแช่น้ำ (float test เบื้องต้น): เมล็ดที่มีโพรงจากตัวหนอนมัก “ลอย” มากกว่าปกติ*
- ติดกับดักฟีโรโมนเฉพาะชนิด รอบคลัง/ประตูโหลดสินค้า—ถ้าค่าจับเพิ่มต่อเนื่อง แปลว่าประชากรกำลังพุ่ง
คำถามที่ 2 ถ้าพบการระบาดแล้ว จะ “กำจัดให้สิ้นวงจร” ต้องใช้อุณหภูมิ/เวลาประมาณไหน? กับดัก–อบแก๊ส ควรเลือกยังไง
- แช่แข็งเชิงลึก: ที่ ≤ –18 °C อย่างน้อย 72 ชม. ฆ่าได้ทุกวัย (เหมาะกับล็อตเล็ก/สินค้าพรีเมียม)
- ความร้อน: ≈ 60 °C ≥ 60 นาที (หรือ 55–60 °C นานขึ้น) ช่วยฆ่าไข่–หนอน–ดักแด้ในเมล็ด*
- อบแก๊ส (fumigation): เหมาะกับล็อตใหญ่/ส่งออก—ทำโดยผู้เชี่ยวชาญเท่านั้น
- กับดักฟีโรโมน: ใช้ เฝ้าระวัง + ลดตัวเต็มวัย แต่ไม่ทดแทนการจัดการเมล็ดที่ปนเปื้อนแล้ว
- ปิดผนึกไร้ออกซิเจน (hermetic/PICS bag): ลด O₂/เพิ่ม CO₂ ต่อเนื่อง 2–3 สัปดาห์ ช่วยหยุดการฟักตัว
คำถามที่ 3 ถั่วที่ถูกมอดเจาะ “กินได้ไหม / ปลูกเป็นเมล็ดพันธุ์ได้หรือเปล่า / เก็บอย่างไรไม่ให้กลับมาติดอีก”
- ไม่แนะนำให้บริโภค หากเห็นรูเจาะ/ผงฝุ่น/กลิ่นเหม็นอับ—คุณภาพและความปลอดภัยลดลงมาก
- เมล็ดพันธุ์: อัตรางอก ตกฮวบ เมล็ดกลวง/มีโพรงมักงอกไม่ดี ควรคัดทิ้งและจัดหาพันธุ์ใหม่ที่สะอาด
- เก็บกันกลับมาติด: ทำ ลดความชื้นให้ถึงมาตรฐาน, ใช้ ภาชนะปิดผนึก/ถุงเฮอร์เมติก, เดินระบบ FIFO, ทำความสะอาดจุดอับ (ใต้พาเลท–รอยแตกพื้น) และ อย่ากองค้างนาน; ใช้ ฟีโรโมน เฝ้าระวังตลอดฤดูกาลเก็บ
ทิปมืออาชีพ: ถั่วเหลืองมักถูกทำลายน้อยกว่าเพราะองค์ประกอบไม่เหมาะต่อการพัฒนาของตัวหนอน แต่ “การปนเปื้อนข้าม” ยังเกิดได้—โซนเก็บและอุปกรณ์ต้องแยกชัดเพื่อตัดวงจรตั้งแต่ต้นทาง