English
Chinese
Japanese

ด้วงงวงมันเทศ (Sweet Potato Weevil): ศัตรูตัวจิ๋วที่ทำลายมันเทศ | รู้ทันแมลงในพืชราก

ด้วงงวงมันเทศ (Sweet Potato Weevil)

ภัยร้ายตัวจิ๋ว ที่เปลี่ยนมันเทศหวานให้กลายเป็นขม!

ในวงการเกษตรกรรม “มันเทศ” ถือเป็นพืชเศรษฐกิจสำคัญที่นิยมปลูกในหลายประเทศทั่วเขตร้อน แต่ทราบหรือไม่ว่า หนึ่งในศัตรูที่คุกคามมันเทศอย่างรุนแรงและยากต่อการควบคุมก็คือ “ด้วงงวงมันเทศ” หรือ Sweet Potato Weevil (Cylas formicarius) แม้จะมีขนาดเพียงไม่กี่มิลลิเมตร แต่ความเสียหายที่มันก่อกลับใหญ่หลวงเกินตัว!

รู้จักศัตรูพืชตัวสำคัญ: ด้วงงวงมันเทศคือใคร?

  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Cylas formicarius (Fabricius)
  • วงศ์: Brentidae
  • อันดับ: Coleoptera (แมลงปีกแข็ง)

ลักษณะเด่น:

  • ลำตัวยาวประมาณ 5.0 – 6.5 มม.
  • ปีกแข็งสีฟ้าน้ำเงินเป็นมัน ดูแวววาวอย่างชัดเจน
  • ส่วนอกและขาเป็นสีอิฐแดง ดูสะดุดตา
  • หัวมี “งวง” ยาวโค้งลง ใช้เจาะเนื้อพืชเพื่อวางไข่
  • หนวดแบบหักข้อศอก (geniculate) และขาเดินเรียวยาว

แม้จะดูสวยสง่าในแว่นขยาย แต่แท้จริงแล้วมันคือจอมทำลายพืชรากอย่างเงียบเชียบ!

วงจรชีวิต: สั้น กระจายไว และอันตราย

ด้วงงวงมันเทศมีการเจริญเติบโตแบบ Complete Metamorphosis (แปลงร่างสมบูรณ์) ครบ 4 ระยะภายในเวลาเพียง 2 เดือน:

  • ระยะไข่: ใช้เวลา 7 วัน
  • ระยะตัวอ่อน: 28 วัน – หนอนจะกัดกินภายในหัวมัน
  • ระยะดักแด้: 7 วัน – แปลงร่างเงียบ ๆ ใต้ดิน
  • ระยะตัวเต็มวัย: มีอายุประมาณ 42–43 วัน

ความเสียหาย: จากหวานกลายเป็นขม!

สิ่งที่ทำให้ Sweet Potato Weevil น่ากลัวไม่ใช่แค่การกัดกินพืช แต่คือ “ผลกระทบต่อคุณภาพอาหาร”:

  • ตัวเต็มวัยเจาะทำลายใบ เถา และผิวหัวมัน
  • ตัวอ่อนเจาะเข้าไปในหัว ก่อทางเดินคดเคี้ยวภายใน
  • หัวที่ถูกทำลายจะส่งกลิ่นเหม็น รสขม และ ไม่สามารถบริโภคได้
  • หากระบาดรุนแรงอาจเน่าเสียทั้งแปลง

แม้จะมีการทำลายน้อย แต่ผลกระทบด้านกลิ่นและรสก็เพียงพอให้ต้องทิ้งผลผลิต!

แหล่งอาหารและการแพร่กระจาย

  • พืชหลักที่ถูกทำลาย: มันเทศในสกุล Ipomoea และพืชในวงศ์ Convolvulaceae เช่น ผักบุ้ง
  • การแพร่กระจาย: พบในทุกเขตร้อนทั่วโลก โดยเฉพาะพื้นที่ปลูกมันเทศหนาแน่น

วิธีป้องกันและควบคุมแบบมืออาชีพ

✅ 1. การจัดการทางเขตกรรม:

  • หลีกเลี่ยงการปลูกในพื้นที่เคยมีการระบาด
  • หมุนเวียนพืชปลูกด้วยพืชคนละตระกูล
  • ใช้เถามันเทศที่ปลอดโรคและแมลง
  • กำจัดวัชพืชที่อยู่ในวงศ์เดียวกับมันเทศ

✅ 2. การใช้สารเคมี:

ใช้สารฆ่าแมลง เช่น
  • คาร์โบซัลแฟน (พอสซ์ 20% EC)
  • ฟิโปรนิล (แอสเซ็นด์ 5% SC)
อัตรา 100 และ 20 มล. ต่อน้ำ 20 ลิตร ตามลำดับ

✅ 3. การควบคุมชีวภาพ:

  • ใช้แมลงห้ำ แมลงเบียน หรือ เชื้อราเขียว ที่ทำลายตัวอ่อน

บทสรุป

ด้วงงวงมันเทศ” อาจเป็นแมลงขนาดเล็ก แต่ผลที่มันก่อสามารถเปลี่ยนพืชเศรษฐกิจให้กลายเป็นศูนย์ มันไม่เพียงแค่กัดกิน แต่ยังทำลายชื่อเสียงของผลผลิต และกระทบตลาดได้ในวงกว้าง การควบคุมอย่างรอบด้านตั้งแต่แปลงปลูกจนถึงหลังการเก็บเกี่ยวคือหัวใจสำคัญ

FAQ : 3 คำถามยอดฮิต ของ ด้วงงวงมันเทศ (Cylas formicarius) ที่คนมักค้นหา

คำถามที่ 1 “หัวมันเทศขม–เหม็น” ชัวร์ไหมว่าเป็นด้วงงวง? เช็กยังไงเร็ว ๆ

  • มองหา รูเข็มเล็ก ๆ บนเถา/ผิวหัว พร้อม ผงเศษเนื้อหัวสีเข้ม (มูลหนอน)
  • ผ่าดูจะเห็น โพรงคดเคี้ยว และกลิ่นเหม็นฉุน รสขมชัด
  • มักเจอ ตัวเต็มวัยสีฟ้าน้ำเงินเงา อก–ขาแดง งวงยาว เดินแอบตามเถา/โคนต้นช่วงบ่าย–ค่ำ

ถ้าพบอาการ 2–3 ข้อขึ้นไป ให้เริ่มมาตรการควบคุมทั้งแปลงทันที

คำถามที่ 2 คุมแบบ “ไม่พึ่งสารเคมี” ทำได้จริงไหม? วิธีไหนได้ผลสุดในภาคสนาม

  • สุขาภิบาลแปลง: ถอนทำลายเถา/หัวที่มีรูเจาะ, เก็บเศษพืชออกนอกแปลง, กำจัดวัชพืชวงศ์เดียว (Convolvulaceae)
  • ปลูกสะอาด–หมุนเวียนพืช: ใช้ท่อนพันธุ์ปลอดแมลง, หมุนเวียนข้ามตระกูล 1–2 ฤดู
  • กับดักฟีโรโมนเฉพาะชนิด: ติดตั้งรอบแปลงเพื่อล่อ–ลดตัวเต็มวัย และ “เฝ้าระวังการระบาด” (เพิ่มจุดติดตั้งเมื่อยอดจับเพิ่มต่อเนื่อง)
  • ชีวภัณฑ์: พ่น/ราดดินด้วย เชื้อราเขียว–เชื้อราขาว (เชื้อราศัตรูแมลง) ช่วงหลังปลูกและก่อนหัวลงรูป ช่วยลดระยะหนอนในดิน
  • กายภาพ/เวลาปฏิบัติการ: ปิดปากแผลบาดเจ็บของเถาให้ไว, เก็บเกี่ยวให้ ทันอายุ อย่าปล่อยค้างแปลงนาน—ยิ่งค้าง ยิ่งเสี่ยงวางไข่

คำถามที่ 3 หัวที่ถูกทำลาย “กินได้ไหม–เก็บอย่างไรไม่ให้ระบาดซ้ำ”

  • ไม่แนะนำให้บริโภค: หัวที่ถูกหนอนเจาะมัก มีกลิ่น–รสขม และเสี่ยงปนเปื้อนจุลินทรีย์ แม้ตัดส่วนเสียออกแล้วคุณภาพก็ลดลงมาก
  • หลังเก็บเกี่ยวให้ คัดแยกทันที, ทำความสะอาดภาชนะ/รถขน, ลดบาดแผลหัว (เป็นจุดวางไข่ชั้นดี)
  • ทำให้แห้งผิว (curing) ในที่อากาศถ่ายเท แล้วเก็บใน ภาชนะปิด/โรงเก็บกันแมลง ความชื้นต่ำ
  • อย่านำหัวที่มีรูเจาะกลับเข้าเก็บรวม และ ทำลายเศษหัว–เถา นอกพื้นที่เพาะปลูกเพื่อ ตัดวงจร

เคล็ด(กึ่งโปรฯ): วางแผน สลับกลุ่มออกฤทธิ์ หากต้องใช้สารเคมี (เช่น คาร์บาเมต/ฟีนิลไพราโซลตามฉลาก) และเน้น พ่น/ราดโคน–คันแปลง ช่วงก่อนหัวขยายรูป เพื่อลดการวางไข่ที่ผิวหัวในสนามจริง.

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 550,365