English
Chinese
Japanese

เพลี้ยจักจั่นสีเขียว (Green Rice Leafhopper) | รู้ทันโรคใบส้ม พร้อมวิธีป้องกันเพลี้ยในนาข้าว

เพลี้ยจักจั่นสีเขียว (Green Rice Leafhopper) - Distant

Nephotettix virescens (Distant)
ภัยเงียบในนาข้าว ตัวการสำคัญของโรคใบส้ม

เพลี้ยจักจั่นสีเขียว หรือ Green Rice Leafhopper (Nephotettix virescens) คือแมลงศัตรูพืชที่พบได้ทั่วไปในพื้นที่ปลูกข้าวของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยพฤติกรรมการดูดน้ำเลี้ยงจากใบและลำต้นข้าว รวมถึงบทบาทในการเป็นพาหะนำโรคไวรัส เช่น “โรคใบส้ม” เพลี้ยชนิดนี้จึงเป็นภัยเงียบที่เกษตรกรไม่ควรมองข้าม

ข้อมูลเบื้องต้น

  • ชื่อสามัญ: Green Rice Leafhopper
  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Nephotettix virescens (Distant)
  • วงศ์: Cicadellidae
  • อันดับ: Hemiptera

ลักษณะทางสัณฐานวิทยาและชีววิทยา

ขนาดลำตัว: 3.0 – 5.0 มม.
สีตัว: สีเขียวอ่อน อาจมีจุดดำบนหัวหรือปีก

ลักษณะเด่น:

  • ตัวเต็มวัยมีปีกยาวคลุมลำตัว
  • เคลื่อนไหวรวดเร็ว บินได้ไกลหลายกิโลเมตร
  • ชอบบินมาเล่นไฟในเวลากลางคืน
  • คล้ายกับ Nephotettix nigropictus แต่ไม่มีขีดดำพาดขอบหน้าผากระหว่างดวงตา
ปีก: ปีกคู่หน้าแบบ Hemelytra ส่วนโคนแข็ง ส่วนปลายบางใส / ปีกคู่หลังเป็นแบบเยื่อบาง (membrane)
หนวด: แบบเส้นด้าย (filiform)
ขา: คู่หน้าและกลางเป็นขาเดิน / ขาหลังเป็นขากระโดด
ปาก: แบบเจาะดูด (piercing-sucking type)

วงจรชีวิตของเพลี้ยจักจั่นสีเขียว

แมลงชนิดนี้เจริญเติบโตแบบไม่สมบูรณ์ (incomplete metamorphosis) แบ่งออกเป็น 3 ระยะ:

ไข่ (Egg)

  • ตัวเมียวางไข่ 5–60 ฟอง
  • ระยะฟักไข่ประมาณ 7 วัน

ตัวอ่อน (Nymph)

  • ลอกคราบ 4 ครั้ง
  • ใช้เวลาประมาณ 14 วัน

ตัวเต็มวัย (Adult)

  • มีชีวิตอยู่ประมาณ 10 วัน
  • บินและแพร่กระจายได้ไกล

พืชอาหารและลักษณะการทำลาย

พืชอาหาร: 

พืชในวงศ์หญ้า (Poaceae) โดยเฉพาะข้าว

ลักษณะการทำลาย:

  • ตัวอ่อนและตัวเต็มวัยดูดกินน้ำเลี้ยงจากใบและลำต้นข้าวได้ทุกช่วงอายุ
  • ทำให้เกิดจุดเหลือง/น้ำตาล บนใบ
  • เป็นพาหะของ “โรคใบส้ม” ซึ่งทำให้ข้าวเจริญเติบโตผิดปกติ ต้นแคระ ผลผลิตลดลง

การแพร่กระจาย

เพลี้ยจักจั่นสีเขียวพบได้ทั่วไปในประเทศแถบ:

  • เอเชียใต้
  • เอเชียตะวันออกเฉียงใต้
  • ญี่ปุ่น
  • ไต้หวัน

วิธีการป้องกันและควบคุม

✅ ปลูกพันธุ์ข้าวต้านทาน

  • เช่น ข้าวพันธุ์ กข 9 ที่แสดงความต้านทานได้ดี

ใช้แสงไฟล่อแมลง

  • ติดหลอดไฟในช่วงค่ำเพื่อล่อและกำจัดแมลง

✅ สำรวจแปลงนาอย่างสม่ำเสมอ

ใช้ “สวิงโฉบ” ตรวจนับ
  • ถ้าข้าวอายุ ≤ 60 วัน: พบ 2 ตัวต่อ 10 โฉบ ให้พ่นสาร
  • ถ้าข้าวอายุ > 60 วัน: พบ 20 ตัวต่อ 10 โฉบ ให้พ่นสาร

✅ ใช้สารเคมีป้องกันกำจัด

สารชนิดเม็ด (แบบดูดซึม)

Carbofuran (ฟูราดาน / คูราแทร์)

  • อัตรา 5 กก./ไร่
  • หว่านหลังข้าวงอก และซ้ำอีกครั้งหลัง 25 วันหากพบการระบาดต่อเนื่อง

สารพ่นทางใบ (ชนิดผสมน้ำ)

  • Isoprocarb (มิพซิน 50% WP)
  • MTMC (ซูมาไซด์ 50% WP)
  • BPMC (บัซซ่า หรือ ฮอปซิน 50% EC) : ใช้อัตรา 40 กรัม หรือ 40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร

สรุป

เพลี้ยจักจั่นสีเขียวแม้จะมีวงจรชีวิตสั้น แต่สร้างความเสียหายให้กับข้าวได้มาก โดยเฉพาะในระยะต้นกล้าและก่อนข้าวตั้งท้อง หากตรวจพบแต่เนิ่น ๆ และใช้มาตรการควบคุมอย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์ต้านทาน การใช้แสงไฟ หรือการพ่นสารเคมีอย่างเหมาะสม จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคใบส้ม และรักษาผลผลิตในฤดูกาลนั้นไว้ได้อย่างปลอดภัย

FAQ : — 3 คำถามยอดฮิต ของ เพลี้ยจักจั่นสีเขียวในนาข้าว (ถามบ่อยจริงจากกูเกิล)

คำถามที่ 1 จะรู้ได้ไงว่า “ถึงเกณฑ์ต้องพ่นแล้ว”? มีวิธีเช็กเร็วหน้างา่นไหม

ใช้ สวิงโฉบ ตรวจนับให้ได้ตัวเลขเทียบเกณฑ์:


  • อายุข้าว ≤ 60 วัน: ถ้าพบ ≥ 2 ตัว / 10 โฉบ → เริ่มควบคุม
  • อายุข้าว > 60 วัน: ถ้าพบ ≥ 20 ตัว / 10 โฉบ → เริ่มควบคุม
สังเกตอาการใบ: จุด เหลือง/น้ำตาล กระจาย และแนวใบซีดเร็ว
ตั้ง ไฟล่อช่วงค่ำ1–2 คืนติดกัน ถ้าตัวบินเข้าไฟต่อเนื่อง = สัญญาณระบาดกำลังเกิด

คำถามที่ 2 อยากกัน “โรคใบส้ม” แต่ไม่อยากพ่นถี่ ทำยังไงให้เอาอยู่แบบ IPM?

  • เริ่มที่พันธุ์: เลือก พันธุ์ต้านทาน (เช่น กข 9) ในพื้นที่เสี่ยง
  • จัดการแปลง: เก็บเศษตอซัง–หญ้าริมคันนา, ไม่ปล่อย หว่านทับอายุ หลายรุ่นในแปลงเดียว
  • มอนิเตอร์เป็นระบบ: สวิงโฉบทุกสัปดาห์ช่วงต้นฤดู, ใช้ไฟล่อเพื่อ “ยืนยันแนวโน้ม” ไม่ใช่เปิดถาวร
  • คุมตรงเวลา: ถ้าถึงเกณฑ์ค่อยพ่น ช่วงเย็น ให้โดน ใบ–ลำต้น–โคนกอ ที่แมลงเกาะดูด
  • หมุนเวียนวิธี: เริ่มจาก ไฟล่อ/สุขาภิบาลแปลง → ถ้าตัวเลขยังสูง ค่อยเสริมสาร และ สลับกลุ่มออกฤทธิ์

คำถามที่ 3 ใช้สารอะไร–ยังไงให้ได้ผลและปลอดภัย (พร้อมตัวอย่างอัตราที่ชาวนาถามบ่อย)?

ชนิดเม็ดดูดซึมในดิน


  • Carbofuran 5 กก./ไร่ หว่านหลังงอก แล้วติดตามอีก ~25 วัน (ใช้เฉพาะผลิตภัณฑ์ที่ขึ้นทะเบียนในพื้นที่ และปฏิบัติตามกฎหมาย/ฉลากอย่างเคร่งครัด)

พ่นทางใบ (ผสมน้ำ) — เล็งช่วงเย็น ลดกระทบตัวห้ำ–ผึ้ง


  • Isoprocarb (MIPC) 50% WP
  • MTMC 50% WP
  • BPMC 50% EC (40 กรัม/40 ซีซี ต่อน้ำ 20 ลิตร)

หลักสำคัญ:


  • อย่าพ่นซ้ำกลุ่มเดียวกันเกิน 2 ครั้งติด ให้ สลับกลุ่ม ลดดื้อยา
  • ทำตาม ฉลาก–ระยะปลอดภัย (PHI) ใส่ PPE ทุกครั้ง และเก็บบันทึกจุด–วันที่–ผลลัพธ์ไว้ทบทวนรอบถัดไป

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 553,257