English
Chinese
Japanese

เพลี้ยจักจั่นสีเขียว: รู้จัก–สังเกต–คุมแบบ IPM ในแปลงข้าว

เพลี้ยจักจั่นสีเขียว (Nephotettix nigropictus) — เร็ว คล่อง บินไกล รู้ทันวงจรแล้วคุมได้ด้วย IPM

ศัตรูข้าวตัวจิ๋วที่หลายแปลงมองข้าม! เพลี้ยจักจั่นสีเขียว เคลื่อนไหวไว บินหนีเร็ว และ บินไกลได้หลายกิโลเมตร จุดแข็งคือเริ่มดูดกินตั้งแต่ระยะต้นกล้า–แตกกอ หากปล่อยยืดเยื้อจะสะสมประชากรและเสี่ยงปัญหาสุขภาพต้นข้าว บทความนี้สรุป ลักษณะจำแนก วงจรชีวิต สัญญาณความเสียหาย และ แผน IPM ใช้ได้จริงในแปลง

 

จัดหมวดหมู่ (Taxonomy)

  • ชื่อสามัญ: green rice leafhopper
  • ชื่อวิทยาศาสตร์: Nephotettix nigropictus (Stål)
  • อันดับ (Order): Hemiptera
  • วงศ์ (Family): Cicadellidae

ลักษณะจำแนกภาคสนาม (Field ID)

สีลำตัว: เขียวอ่อน เงาวาว

แต้ม/ลายเด่น:

  • มี ขีดดำพาดตามแนวยาวของขอบหน้าผาก ระหว่างตาทั้งสอง
  • ปีกยาวคลุมลำตัว กลางปีกมี เส้นสีดำ และ ปลายปีกดำ
  • พฤติกรรม: เคลื่อนย้ายรวดเร็ว กระโดด–บินหลบเมื่อถูกรบกวน อยู่ตามใบและกาบใบบริเวณกลางทรงพุ่ม

แยกให้ชัด: “เพลี้ยจักจั่นสีเขียว” vs “เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล”

ประเด็นเพลี้ยจักจั่นสีเขียว (Nephotettix)เพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล (Nilaparvata)
สีลำตัว เขียวอ่อน มีแต้มดำที่หัว/ปีก น้ำตาลเข้ม
ตำแหน่งอาศัย ใบ–กาบใบชั้นกลาง โคนกอ–โคนต้น
ความเสียหายเด่น ใบซีด–แต้มสีซีดจากดูดกิน; เสี่ยงแพร่เชื้อบางชนิด Hopperburn รุนแรงเมื่อสะสมมาก
พฤติกรรม กระโดด–บินหนีไว ไต่ตามลำต้น หนีเร็วเช่นกัน

วงจรชีวิต (Life Cycle)

เป็นการเปลี่ยนแปลงแบบไม่สมบูรณ์ (incomplete metamorphosis) : ไข่ → ตัวอ่อน (nymph) → ตัวเต็มวัย

  • ไข่: ~7 วัน (วางเป็นกลุ่มในเนื้อใบ/กาบใบ)
  • ตัวอ่อน: ~14 วัน ลอกคราบ 4 ครั้ง เคลื่อนที่เก่ง กินน้ำเลี้ยงอย่างต่อเนื่อง
  • ตัวเต็มวัย: อายุเฉลี่ย ~10 วัน บินกระจายดี
  • วงจรตั้งแต่ไข่ถึงตัวเต็มวัย: โดยมาก ไม่เกิน 3–4 สัปดาห์ ตามอุณหภูมิ–ความชื้น

ความเสียหายและความเสี่ยง

  • โดยตรง: ใบซีดเป็นแต้ม/ริ้ว เสียการสังเคราะห์แสง ยอดอ่อนชะงัก ต้นแคระแกร็นเมื่อระบาดช่วงต้นฤดู
  • การแพร่เชื้อ: เพลี้ยจักจั่นสีเขียวบางชนิดเป็น พาหะเชิงชีวภาพของเชื้อไวรัสข้าวบางชนิด ในพื้นที่ที่มีแหล่งเชื้อและพืชอาศัยร่วม (จึงต้องเน้นสุขอนามัยแปลงและวัชพืชขอบคันนา)
  • การกระจาย: บินไกลหลายกิโลเมตร ทำให้เกิดการระบาดข้ามแปลงได้ง่าย หากแปลงข้างเคียงบริหารจัดการต่างจังหวะ

แผนควบคุมแบบบูรณาการ (IPM) — ตรงจุด ยั่งยืน

1) Inspect & Monitor — สำรวจให้เจอก่อนปะทุ

  • สวิงกวาดใบ 10–20 ครั้ง/จุด × 5–10 จุด/แปลง (สัปดาห์ละครั้งในช่วงเสี่ยง)
  • เปิดใบ–กาบใบชั้นกลางดู ไข่/ตัวอ่อน และ ใบซีดเป็นจุด
  • บันทึกแนวโน้มรายสัปดาห์ (จำนวนต่อสวิง/ใบ, ระยะการเจริญ)

2) Cultural — ปรับระบบเพาะปลูกลดแรงระบาด

  • ปลูกพร้อมกัน (synchrony) ในชุมชนเพื่อลดการอพยพระหว่างแปลง
  • กำจัดวัชพืชตระกูลหญ้าขอบคันนา และ ต้นข้าวอาสา ที่เป็นแหล่งพักตัว/แหล่งเชื้อ
  • ใส่ไนโตรเจนพอดี ไม่เร่งใบอ่อนจนดึงดูดเพลี้ย
  • ดูแล ระดับน้ำ ให้เหมาะสม ลดความเครียดพืชและช่วยให้ผู้ล่าทำงานสะดวก

3) Biological — ใช้ “ผู้ช่วยธรรมชาติ”

  • มวนเขียวดูดไข่ (Cyrtorhinus lividipennis), แมงมุมสุนัขป่า, ตัวเบียนไข่–ตัวอ่อน หลายชนิดในนาข้าว
  • เลี่ยงสารออกฤทธิ์กว้าง โดยเฉพาะช่วงต้นฤดู/พบผู้ล่าจำนวนมาก เพื่อเกื้อหนุนประชากรธรรมชาติ

4) Mechanical/Physical — เฝ้าระวังเสริม

  • กับดักสี/ไฟ ใช้เพื่อ monitoring แนวโน้มการบินเข้า มากกว่าควบคุมโดยตรง
  • บันทึกข้อมูลคู่กับผลสวิงกวาดใบ เพื่อตัดสินใจร่วมกัน

5) Chemical — ใช้เท่าที่จำเป็นและแม่นยำ

  • หลีกเลี่ยงการพ่น แบบป้องกันล่วงหน้า (prophylactic)
  • หาก แนวโน้มพุ่งต่อเนื่อง และเกิดความเสียหายจริง ให้ใช้สาร ออกฤทธิ์จำเพาะ ต่อเพลี้ยจักจั่น เน้น พ่นเฉพาะจุด–เฉพาะเวลา (ระยะตัวอ่อน) และ สลับกลไกออกฤทธิ์ (MoA rotation)
  • หลังควบคุม กลับมาเน้นการอนุรักษ์ผู้ล่าและสุขอนามัยแปลง

SOP ภาคสนาม (เช็กลิสต์ 7 ข้อ)

  1. ทำแผนที่จุดเสี่ยง (ขอบคันนา–ชายน้ำ–จุดใบซีด)
  2. สุ่มสวิงกวาดใบ + เปิดกาบใบหาไข่/นิมฟ์ ทุกสัปดาห์
  3. กำจัดวัชพืชตระกูลหญ้า–ต้นข้าวอาสา
  4. บริหาร N อย่างพอดี (แบ่งใส่–ไม่เร่งใบอ่อนเกิน)
  5. งดสารกว้างขวางเมื่อพบผู้ล่าสูง
  6. เมื่อต้องพ่น เลือกสารจำเพาะ พ่นจุดระบาด และสลับ MoA
  7. บันทึกผลก่อน–หลัง 7 วัน เพื่อตัดสินใจรอบถัดไป

FAQ 3 คำถามยอดฮิต ของ เพลี้ยจักจั่นสีเขียว (Nephotettix nigropictus)

คำถามที่ 1 เพลี้ยจักจั่นสีเขียว “พาเชื้อไวรัสข้าว” ไหม—กันยังไงแบบไม่พึ่งสาร?

ใช่ครับ กลุ่ม Nephotettix เป็นพาหะสำคัญของ “ไวรัสตังโกร” (rice tungro virus complex: RTBV/RTSV) ในหลายประเทศเอเชีย จึงควรโฟกัสที่ ตัดแหล่งเชื้อ + กันแมลงเข้าถึงต้นอ่อน เป็นหลัก

ทำทันที (IPM 4 ข้อ)

  • สุขอนามัยแปลง: กำจัดวัชพืชตระกูลหญ้า/ต้นข้าวอาสา—แหล่งพักเชื้อและแมลง.
  • ปลูกร่วมเวลา (synchrony): ลดการอพยพระหว่างแปลง.
  • หนุนผู้ล่า: รักษาแมงมุมสุนัขป่า/มวนเขียวดูดไข่ เลี่ยงสารออกฤทธิ์กว้างช่วงต้นฤดู.
  • พ่นเมื่อจำเป็นจริง: ใช้สารออกฤทธิ์จำเพาะ “เฉพาะจุด–ช่วงตัวอ่อน” และสลับ MoA พร้อมเฝ้าระวังผล.

คำถามที่ 2 วงจรชีวิต “เร็วแค่ไหน”—ถ้าเห็นวันนี้ อีกกี่วันจะปะทุ?

วงจรรวม ประมาณ 3–4 สัปดาห์ (ขึ้นกับอุณหภูมิ/ความชื้น): ไข่ ~6–7 วัน → ตัวอ่อนลอกคราบ 4–5 ครั้ง ~2 สัปดาห์ → ตัวเต็มวัยอยู่ ~2–4 สัปดาห์ และบินกระจายได้ดี จึงเพิ่มประชากรรวดเร็วในสภาพอุ่นชื้น.

เช็กเร็วในแปลง

  • เปิดดู กาบใบ/เส้นกลางใบ หาไข่ที่ฝังเป็นแนว
  • สวิงกวาดใบดูแนวโน้มตัวอ่อนทุกสัปดาห์ (10–20 กวาด/จุด) แล้วปรับแผนตามข้อมูล.

คำถามที่ 3 บินไกลไหม—แปลงข้างๆ ระบาด เราจะโดนด้วยหรือเปล่า?

เพลี้ยจักจั่นและเพลี้ยกระโดดในนาข้าวมี ศักยภาพอพยพระยะไกลตามลม ในระดับภูมิภาค (มีหลักฐานชัดในกลุ่มเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล และรายงานการย้ายถิ่นในกลุ่มใบจักจั่น) จึงมักเห็นการระบาด “ข้ามแปลง” ได้เมื่อจังหวะเพาะปลูกต่างกัน. PMC+2James Litsinger+2

รับมือแบบพื้นที่

  • ปลูกร่วมกำหนด ในชุมชน + กำจัดวัชพืชขอบคันนา พร้อมกัน
  • ใช้กับดักสี/ไฟสำหรับ ติดตามการบินเข้า ควบคู่สวิงกวาดใบ เพื่อกัดจังหวะก่อนปะทุ.

แบบฟอร์มติดต่อกลับ

Visitors: 540,995