แมลงสาบ

แมลงสาบ (อังกฤษ: Cockroach) เป็นแมลงที่อยู่ในอันดับ Blattodea หรือ Blattaria จัดเป็นแมลงที่มีวงจรชีวิตไม่สมบูรณ์ คือ ไม่เป็นตัวหนอนและดักแด้ ปัจจุบันเป็นแมลงที่พบกระจายไปแล้วทั่วโลก โดยติดไปกับยานพาหนะต่าง ๆ พบได้ถึงขนาดบนเครื่องบินโดยสาร[1] ถือเป็นสัตว์ที่เป็นพาหะนำโรคและน่ารังเกียจ

โดยทั่วไปแล้ว มีลักษณะลำตัวยาวรีเป็นรูปไข่ เป็นสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม มีส่วนหัวซ่อนอยู่ใต้อก มีหนวดยาวคล้ายเส้นด้าย ส่วนขายาวมีหนามคลุม ตัวเต็มวัยมีทั้ง มีปีกและไม่มีปีก เป็นแมลงที่หากินตามพื้นดินเป็นหลักตามที่มืด ๆ หรือในเวลากลางคืน ไม่ชอบที่จะบิน และวิ่งได้เร็วมาก

โดยชื่อภาษาอังกฤษนั้นมีที่มาจากภาษาสเปน และชื่อทางวิทยาศาสตร์มาจากภาษากรีก (สเปน: cucaracha หมายถึง "แมลง" และกรีก: βλάτταและ βλάττη) แมลงสาบที่รู้จักกันโดยทั่วไปเป็นชนิด Periplaneta americana ในวงศ์ Blattidae หรือเรียก แมลงสาบอเมริกัน มีลำตัวยาวประมาณ 3 เซนติเมตร ส่วนแมลงสาบไทยหรือแมลงสาบชนิดเอเชียเป็นชนิด Blattella asahinai ซึ่งมีความยาวลำตัวประมาณ 2 เซนติเมตร

ปัจจุบันนี้พบมากกว่า 30 สกุล 4,500 ชนิด และพบ 4 ชนิดที่เลี้ยงเป็นสัตว์เลี้ยง เช่น แมลงสาบมาดากัสการ์ (Gromphadorhina portentosa)

ความเป็นมาและวิวัฒนาการของแมลงสาบ

จากการศึกษาซากฟอสซิลของแมลงสาบ บ่งชี้ได้ว่า แมลงสาบได้ถือกำเนิดมาบนโลกนี้ยาวนานกว่ามนุษย์หลายเท่า (ราว 250 ล้านปีมาแล้ว) ความแตกต่างของแมลงสาบโบราณกับแมลงสาบในปัจจุบัน คือ ช่องออกไข่ที่ปลายช่องท้อง และมีการค้นพบฟอสซิลแมลงสาบที่เป็นยุคปัจจุบันคือมีรังไข่เหมือนกับปัจจุบันในยุคที่ไดโนเสาร์สูญพันธุ์จากโลกไปแล้ว คือ มหายุคมีโซโซอิก แมลงสาบสามารถปรับตัวได้กับทุกสภาพแวดล้อม เนื่องจากการที่แมลงสาบกินทุกอย่างเป็นอาหาร บางสายพันธุ์สามารถกินไม้ได้ด้วย แมลงสาบจะปรากฏตัวให้เห็นอยู่ในประเทศที่เป็นเขตเมืองร้อน แมลงสาบในประเทศไทยจะอาศัยอยู่ตามบ้านเรือน แหล่งของเสีย ขยะแมลงสาบที่อาศัยอยู่ตามฟาร์ม เช่น โรงผสมอาหารสัตว์ ปัจจุบันมีวิธีกำจัดแมลงสาบโดยชีววิธี ด้วยแมลงที่เป็นศัตรู[4] เพื่อลดการใช้สารเคมีกำจัดแมลง

เพศของแมลงสาบ

ความแตกต่างระหว่างแมลงสาบตัวผู้กับตัวเมียสังเกตได้จากปลายท้องของตัวผู้จะมีระยางค์ 2 คู่ที่ใช้รับความรู้สึกและใช้ผสมพันธุ์ ส่วนตัวเมียจะมีรยางค์ที่เป็นแผ่นแบน ๆ เหมือนแคปซูลเรียกว่า รังไข่ ใช้สำหรับวางไข่ตามมุมห้องหรือซอกเล็ก ๆ การวางไข่ของตัวเมียนั้น จะมีการปล่อยน้ำที่มีความเหนียว สีขาวขุ่นออกมา ทำหน้าที่เพื่อให้ไข่นั้นติดนานไป ไข่เมื่อโตเต็มที่จะมีสีเหมือนเม็ดมะขามแต่ขนาดเล็กกว่า

โรคที่ตามมากับแมลงสาบ

ด้วยแหล่งอาศัยของแมลงสาบจะอยู่ตามขยะ ของเสีย แมลงสาบจึงนำมาสู่เชื้อโรคมากมายที่เป็นพาหะนำโรคมาสู่มนุษย์ เช่น ท้องเดิน, บิด, ไทฟอยด์, อหิวาตกโรค, อาหารเป็นพิษ, โรคผิวหนัง และโรคภูมิแพ้ ด้วยเต็มไปด้วยเชื้อโรคนานาชนิด ทั้ง แบคทีเรีย, ไวรัส, โปรโตซัว, พยาธิ และเชื้อรา

ความสำคัญทางการแพทย์และสาธารณสุขของแมลงสาบ

แมลงสาบมีความสำคัญทางการแพทย์และสาธารณสุข เนื่องจากเป็นพาหะสำคัญที่สามารถนำเชื้อโรค ต่าง ๆ เช่น ไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือโปรโตชัว ติดต่อมาสู่มนุษย์ได้โดยที่เชื้อโรคเหล่านี้ติดมากับขาหรือลำตัว แมลงสาบขณะออกหากินตามบริเวณที่สกปรก หรือเชื้อโรคเหล่านี้อาจถูกแมลงสาบกินเข้าไปสะสมในระบบ ทางเดินอาหาร ทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ สามารถปนเปื้อนในอาหารหรือภาชนะที่แมลงสาบเดินผ่านได้ กลไกการ แพร่เชื้อโรคของแมลงสาบจึงเกิดจากพฤติกรรมการออกหาอาหารและการกินอาหารของแมลงสาบที่ชอบหา อาหารตามสิ่งปฏิกูลและระหว่างเดินจะสำรอกและถ่ายมูลไปตลอดทาง ดังนั้น โรคที่นำโดยแมลงสาบส่วนใหญ่ จึงเป็นโรคที่เกี่ยวกับทางเดินอาหาร เช่น อุจจาระร่วง บิด ไทฟอยด์ และอาหารเป็นพิษ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม แมลงสาบยังสามารถเป็นพาหะก่อให้เกิดโรคอื่น ๆ ได้ เช่น โรคเรื้อน กาฬโรค ตับอักเสบ หอบหืด ภูมิแพ้ หรือ โรคผิวหนัง เป็นต้น นอกจากนี้ มีรายงานว่าแมลงสาบสามารถเป็นโฮสต์กึ่งกลาง (intermediate host) ของ พยาธิหลายชนิด เช่น พยาธิปากขอ (Ancylostoma duodenale) พยาธิไส้เดือนกลม (Ascaris lumbricoides) พยาธิตืดแคระ (Hymenolepis nana) พยาธิตืดวัว (Taenia saginata) พยาธิใบไม้โลหิต (Schistosoma haematobium) เป็นต้น

จากรายงานการวิจัยในประเทศไทยและต่างประเทศพบว่า แมลงสาบเป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิด โรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดโดยเฉพาะในผู้ป่วยเด็ก แมลงสาบจะปล่อยสารก่อภูมิแพ้ (allergen) ออกมาสู่ บริเวณที่เดินผ่าน หรือฟุ้งลอยอยู่ในอากาศ เมื่อมนุษย์สัมผัสสารก่อภูมิแพ้เหล่านี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา พอสมควรจะทำให้เกิดโรคดังกล่าวได้ สารก่อภูมิแพ้เหล่านี้เชื่อว่าเกิดมาจากมูลหรือสารบางอย่างบนตัวของ แมลงสาบ ผลการวิจัยจากหลาย ๆ ฉบับพบว่า มีผู้ป่วยโรคภูมิแพ้และโรคหอบหืดจำนวนไม่น้อยให้ผลการ ทดสอบที่เปนบวกต่อการทดสอบกับสารก่อภูมิแพ้ที่สกัดจากแมลงสาบอเมริกันและแมลงสาบเยอรมัน ดังนั้น จะเห็นได้ว่าแมลงสาบทั้งสองชนิดนี้เปนตัวการสำคัญหนึ่งที่ก่อให้เกิดโรคดังกล่าวของมนุษย์ 

Visitors: 433,978